เที่ยวตลาดน้ำขวัญเรียม และกราบหลวงพ่อโสธร

เที่ยวตลาดน้ำขวัญเรียม และกราบหลวงพ่อโสธร

เที่ยวตลาดน้ำขวัญเรียม เที่ยววัดโบสถ์ สามโคก เที่ยววัดโสธร หลายครั้งที่หลายๆ คนเข้ามากรุงเทพและมีเวลาไม่มาก อยากจะพักผ่อน หาอะไรกินแบบเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องหารีสอร์ทโรงแรมพักให้ยุ่งยาก อยากเที่ยวก็ไปกันเลย หากเป็นแบบนั้น วันนี้เรามาเที่ยวใกล้กรุงกันแบบสบายๆ เริ่มกันเลย เรามุ่งสู่เขตปริมณฑลกรุงเทพฝั่งตะวันออก ไปตลาด ตลาดบางกะปิ ตลาดมีนบุรี  เหรอ? ไม่ใช่ “ตลาดน้ำขวัญเรียม” ตำนานรักแห่งคลองแสนแสบ ลัดเลาะจากลาดพร้าว 101 วิ่งไปตามถนนลาดพร้าวขาออกทะลุออกไปทางไปสวนสยาม มีนบุรี สังเกตุวัดบำเพ็ญเหนือ หากเดินมาทางถนนรามคำแหงก็วัดบางเพ็งใต้ ตลาดน้ำตลาดน้ำขวัญเรียม มีทั้ง 2 ฝั่ง คือ วัดบำเพ็ญเหนือ และ วัดบางเพ็งใต้ มีมากมาย ไปตลาดนี้อิ่มแน่นอน มีสะพานข้ามคลองเชื่อม 2 ฝั่งคลองเข้าด้วยกัน หรือใครอยากทำบุญเชิญถวายสังฆทานหรือตักบาตรเช้าทางเรือกันได้เลย

ตลาดน้ำขวัญเรียม ตลาดน้ำใจกลางกรุงที่จำลองวิถีชีวิตริมน้ำ ทั้งการตักบาตรพระทางเรือ และงานประเพณีทางน้ำ พร้อมเลือกชิมอาหารอร่อยจากทั่วทุกภาค เลือกซื้อสินค้า OTOP ติดไม้ติดมือกลับบ้าน และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เปิด 07.00-18.00 น. เสาร์ อาทิตย์ , วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตักบาตรพระทางเรือ 07.30-08.00 น.

เที่ยวหาของกินเรียบร้อย ไปไหนต่อละ ไปฉะเชิงเทรากันดีกว่า กราบหลวงพ่อโสธร และไปตลาดน้ำคลองสวน 100 ปี กันต่อเลย

ขับรถออกตรงไปทางมีนบุรีทางหน้าโลตัสมีนบุรี และขึ้นสะพานข้ามแยกไปทางถนนสุวินทวงศ์ ตรงเข้าจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ช่วงนี้ถนนสุวินทวงศ์ มีการก่อสร้างสะพานและถนนใหม่ รถจะติดบางช่วง เมื่อขับถึงสะพานข้ามไปยังตัวเมืองฉะเชิงเทรา จะมีทางให้เลือกเข้าวัดได้  2 ทางคือทางถนนเข้าตัวเมืองซ้ายและขวาเส้นออกมอเตอร์เวย์

วัดโสธรวรารามวรวิหาร

เป็นวัดสำคัญที่สุดของจังหวัดฉะเชิงเทรา ประดิษฐาน “หลวงพ่อพุทธโสธร” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา ทุกวันภายในพระอุโบสถจะอบร่ำไปด้วยควันจากธูปเทียน อันเป็นเสมือนตัวแทนแห่งศรัทธาของผู้คนจากทุกสารทิศที่เดินทางมาสักการะและขอพรจากหลวงพ่อพุทธโสธรกันอย่างเนืองแน่น โดยเชื่อกันว่าพระพุทธรูปรูปองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ดลบันดาลให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร อุดมสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยหลวงพ่อพุทธโสธรนั้นเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร สร้างขึ้นตามแบบศิลปะล้านช้าง

กล่าวกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ลอยน้ำมาและมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหารตั้งแต่ปีพ.ศ.2313 ซึ่งพระพุทธรูปของจริงนั้นหล่อด้วยสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้างศอกเศษ มีพุทธศิลป์งดงามมาก แต่ทางวัดเกรงว่าจะมีผู้คนมาลักขโมยไปจึงได้นำปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมี ลักษณะที่เห็นในปัจจุบันและได้ประดิษฐานไว้ที่พระอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างขึ้นตามแบบรัตนโกสินทร์ประยุกต์

เสร็จจากกราบหลวงพ่อโสธรให้ถูกหวยรวยทรัพย์ครอบครัวอยู่เย็นมีความสุข ก็เดินทางต่อไปตลาดเก่าคลองสวน 100 ปี เดินหาอะไรกินเล่น ๆ

สามารถเดินทางเข้าตลาดได้ 2 ทาง ฝั่งสมุทรปราการและฝั่งฉะเชิงเทรา แต่สวนใหญ่นิยมมาทางถนนฝั่งสมุทรปราการมากกว่า โดยมีคลองประเวศบุรีรมภ์คั่นกลาง
ตลาดเก่าคลองสวน 100 ปี หากย้อนเวลากลับไปสู่บรรยากาศของชุมชนในสมัยรัชกาลที่ 5 ในตลาดคลองสวนที่ยังคงเก็บรักษากลิ่นอายในสมัยนั้นไว้ได้อย่างน่ารัก บ้านเรือนเก่าแก่ ร้านกาแฟโบราณ อาหารเลิศรสและภาพของการซื้อขายในตลาดชาวสวน ที่ต่างนำผัก ผลไม้สดๆ มาขาย ณ ตลาดคลองสวนแห่งนี้ แม้วันเวลาจะผ่านไปนานนับร้อยปีแล้ว แต่ความคลาสสิกของ ตลาดคลองสวนยังคงเปี่ยมด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล

จากตลาดคลองสวน 100 ปี เราข้ามจากฉะเชิงเทราวิ่งเข้าปทุมธานี โดยใช้มอเตอร์เวย์เร็วสุด ไม่กลับทางสุวินทวงศ์แล้วละ ทำถนนรถติด ตัดออกไปทางหน้าอำเภอคลองหลวง สนามกีฬาธรรมศาสตร์ และขึ้นสะพานเลี้ยวขวา และไปอีกนิดหน่อย ก็เลี้ยงขวาเข้าถนนทางไปรีเวอร์ไซต์เลียบเจ้าพระยา ถนนเส้นนี้ละที่มีข่าวการพยายามกั้้นน้ำไม่ให้ทะลักรังสิตปทุมธานี แต่สู้พลังน้ำไม่ได้ ท่วมตลอดแนวไปถึงวิภาวดีรังสิต .. นึกออกละย่านเชียงรากน้อย สามโคก

มาถึงวันอัมพรวราราม อ.สามโคก วัดนี้อยู่ติดวัดไผ่ล้อม ซึ่งเป็นที่พักของนกปากห่าง บริเวณสวนไผ่หลังวัด ภายในวิหารวันอัมพรวราราม มีประธาน และภาพพระกรณียกิจของรัชกาลที่ 9 ช่วงผนวช สวยงามมาก นอกจากนี้ ทางวัดยังจัดให้มีการสลักชื่อใต้พระพุทธรูปองค์เล็ก เพื่อตั้งไว้บนซุ้มในวิหารมีทั้ง 12 ราศี คือมีชื่อเราอยู่คู่วิหารให้คนศรัทธามากราบไหว้ตลอดนานหลายร้อยปี ฉลู ชวดเยอะสุด 555 มะแมประจำตัวข้าพเจ้าเกิดน้อยเพราะกลางปี

หากแวะไปเที่ยวแถวละแวกนั้นอยากแนะนำถนนเส้นนี้ เพราะวิ่งเส้นเดียวน่าจะได้ทำบุญ 9 วัดแน่นอนเลย และมีวัดดังๆ เช่น วัดป่างิ้ว ใกล้วัดอัมพรวรารามนั้นละ

กราบพระทำบุญ นั่งชมวิหารพอเย็นกาย เย็นใจ ก็ไปกันต่อพอ ไหว้พระวัดที่มีพุทธรูปองค์มหึมากัน นั้นคือวัดโบสถ์ ปทุมธานี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากใครเคยขับรถผ่านสะพานถนนเส้นนั้น คงจะเคยเห็น

วัดโบสถ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2164 โดยชาวมอญที่อพยพมามาจาก[เมืองหงสาวดีและเอาชื่อหมู่บ้านที่ตนอพยพมาอาศัยอยู่ ตั้งเป็นชื่อวัดและได้สร้างเสาหงส์ขึ้นไว้เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองหงสาวดี มีโบราณสถาน และโบราณวัตถุ คือสิ่งสำคัญอยู่คู่วัดโบสถ์ วิหารพระรามัญทรงเครื่อง (หลวงพ่อรามัญทรงเครื่อง) พระแสงอาญาสิทธิ์ ของเก่าแก่จากรามัญ ช้างสี่เศียรใช้ติดตั้งประดับหัวเสา อายุเก่าแก่ถึง 150 ปี สร้างด้วยทองคำสัมฤทธฺอยู่ในโบสถ์เก่าของวัดและรูปปั้นสุนัขย่าเหลหล่อด้วยตะกั่วที่อดีตเจ้าอาวาสได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5ในครั้งที่เสด็จประภาสเมืองสามโคก ต่อมาเปลี่ยนเป็นเมืองปทุมธานี
พระพุทธรูปสำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือ “หลวงพ่อเหลือ” และยังถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปทุมธานีอีกด้วย โดยหลวงพ่อเหลือเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่กับวัดโบสถ์มานานแล้ว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยศิลาทราย ประดิษฐานอยู่บริเวณฐานชุกชีภายในโบสถ์ที่มีทั้งหมด 12 องค์ ต่อมาเมื่อประมาณปี 2507 มีขโมยเข้ามาลักลอบตัดเศียรพระพุทธรูปภายในโบสถ์ และเหลือเพียงหลวงพ่อเหลือเท่านั้นที่ไม่ถูกตัดเศียร จากความศรัทธาของชาวบ้านจึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อเหลือ”

สถานที่ตั้งของวัดโบสถ์อยู่บริเวณคุ้งน้ำท้องมังกรของแม่น้ำเจ้าพระยารูป มีพระรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เทศนาธรรมองค์ใหญ่ และหลวงพ่อโสธร องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ออกจากวัดวัดโบสถ์ ก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร แวะซื้อของที่ ไอทีสแควร์ หาอะไรกินมือเย็นราคาไม่แพงในศูนย์อาหารชั่นล่าง ที่มีอาหารให้เลือกมากมายครบ จบทริปเที่ยวชานกรุงเทพสมบูรณ์