ดีท๊อกใจ “รักให้เป็น” ธรรมะสอนใจเรื่องความรัก

 

“ทำอย่างไรเมื่ออกหัก บางคนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ การฆ่าตัวตายแบบนี้จะเป็นบาปหนัก อกหักซ่อมได้ ๗ วันดีขึ้นเลย แค่หยุดคิด ตัณหาความทยานอยากเกิดมาจากความคิด”        


  ธรรมะสอนใจเรื่องความรัก ความรักเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบอกว่าความรักเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ 

          ประการแรก  เคยเป็นคู่กันมาในอดีตชาติ เคยเป็นสามีภรรยา เป็นคู่ครองกันมา   ประการที่สอง เคยเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เหมือนดอกบัว จะงอกงามขึ้นได้ต้องอาศัยโคลนตม  และน้ำ โคลนตมก็เหมือนกับ การเป็นคู่กันอดีต น้ำก็เหมือนการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ในอดีตถ้าเคยเป็นสามีภรรยากัน ปัจจุบันถ้าเจอกันจะปิ้งกันได้ หรือเรียกว่ารักแรกพบ เจอปุ๊บคนนี้รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก หลายคู่เจอกันครั้งแรกก็บอกเลยว่าคนนี้แหละ จะต้องเป็นภรรยาเราต่อไปในอนาคต เป็นคุณแม่ของลูกเรา ใจมุ่งมั่น กี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยน เป็นเพราะเคยผูกพันธ์กันมาแต่ในอดีตชาติ 

           แต่บางคนอาจจะไม่เคยเป็นคู่กันในอดีตแต่ปัจจุบันได้มีการเกื้อกูลกันเยอะ ก็ได้เป็นคู่ครองกันเหมือนกัน และถ้ามีบุพกรรมในอดีตเกี่ยวโยงกันมาก็จะเร็วหน่อย

          รักแรกพบยังไม่น่าทึ่งเท่ากับรักยังไม่ได้พบ ในปฎกฐาธรรมบท มีกล่าวไว้ว่า รักยังไม่ได้พบ เล่าโดยสรุปย่อๆ คือ มีหนุ่มน้อยโคสักกะเป็นลูกบุญธรรมเศรษฐี พ่อใช้ไปทำธุระ ระหว่างทางได้แวะพักบ้านเพื่อนพ่อเป็นเศรษฐีชนบท เดินทางมาเหนื่อยก็พัก สาวใช้มาดูแล หลังจากนั้นพอสาวใช้ไปพบลูกสาวของเศรษฐี ลูกสาวเศรษฐี ต่อว่าสาวใช้ว่า หายไปไหนมา ใช้ไปทำธุระ ทำไมโอ้เอ้ สาวใช้บอกว่าไม่ได้ไปไหน แต่บังเอิญมีแขกมานายผู้ใหญ่เลยใช้ให้ไปดูแล ธิดาเศรษฐีจึงซักต่อ แขกเป็นใคร ชื่ออะไร สาวใช้บอกว่าชื่อโคสักกะ  ลูกสาวเศรษฐีได้ฟังแค่ชื่อว่าโคสักกะเท่านั้น ความรักก็เกิดขึ้นในใจของธิดาเศรษฐีแล้ว เพราะว่าในอดีตเคยเป็นสามีภรรยากัน มาชาตินี้แค่ฟังชื่อเท่านั้นเอง ก็รู้สึกรักท่วมหัวใจ จึงแอบไปดูจนได้พบตัวท่านโคสักกะ และได้วางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดี สุดท้ายทั้งสองก็ได้ครองคู่กันต่อในชาตินี้ 

          ความรักจะราบรื่นถ้ามีความเสียสละเป็นพื้นฐาน  ถ้ารักจริงต้องไม่เห็นแก่ตัว อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข ถ้าเกิดคนเห็นแก่ตัว จะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เธอต้องทำให้ฉันมีความสุข เธอมีหน้าที่ต้องเอาใจฉัน ทำให้ฉันถูกใจ ให้ฉันมีความสุข ต้องเข้าใจฉัน ถ้ามัวแต่เรียกร้องอย่างนี้ ชีวิตคู่จะมีแต่ความทุกข์

ตั้งแต่ยังไม่แต่ง ยังเป็นแฟนกัน จะมีเรื่องให้หงุดหงิด ให้ทะเลาให้ขัดใจ ให้น้อยอกน้อยใจ สารพัดอย่าง ถ้าเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ถ้าเกิดคิดว่าหากจะครองคู่กัน เราน่าจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความสุข คอยสังเกตเค้าคิดอย่างไร เราพูดแบบนี้ทำแบบนี้ เค้าชอบไหม เค้ามีอัธยาศัยอย่างไร ถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่างนี้แล้วล่ะก็ ชีวิตคู่ก็จะราบรื่นไปกันได้

          ชีวิตคู่ผู้ชายเหมือนช้างเท่าหน้า ผู้หญิงเหมือนช้างเท้าหลัง ธรรมชาติผู้ชายจะรุกงานหนัก แต่เก็บรายละเอียด สู้ผู้หญิงไม่ได้ ผู้หญิงเก็บรายรละเอียดเก่งกว่าผู้ชาย ถ้าเก็บเงินผู้หญิงจะเก็บอยู่กว่า บ้านไหนเค้าบอกว่า ถ้าใช้หลักสังฆโลก สามีกลัวภรรยา บ้านนั้นเจริญ เค้าว่าอย่างนั้น ถ้าให้ดีเงินมาถึงปุ๊บส่งให้แม่บ้านเก็บ แม่บ้านก็ต้องรักษาให้อยู่นะ แบบนี้บ้านก็เจริญ มันต้องเอาธรรมชาติข้อดีของแต่ละฝ่ายมาใช้ ต้องประสานกันให้ลงตัว ครอบครัวก็มีความสุข และเจริญก้าวหน้า

      หลักสำคัญของความรัก ตั้งแต่ยังไม่แต่ง ยังเป็นแค่แฟนกัน ตั้งแต่เริ่มต้นเลย คือว่า เราต้องรู้จักควบคุมตัวเอง ถามว่าเป็นอย่างไรควบคุมตัวเอง ต้องรู้จักความพอดี ไม่ใช่เริ่มต้นกำลังชอบกัน ลืมตาก็คิดถึง หลับตาก็คิดถึง แล้วเป็นไงเดี๋ยวก็โทรเดี๋ยวก็แชท โทรวันละ ๑๐ ครั้ง เป็นไง รู้สึกความรักมันล้น อีกฝ่ายรู้สึกไม่ไหวแล้ว แรกๆ ไม่กี่วันก็ดี ถ้าโทรวันละ ๑๐ ครั้งเป็นเดือนๆ ออกจากบ้านโทร ถึงที่ทำงานโทรอีกฝ่ายอาจจะอึดอัดคิดว่ามาคอยจับผิด ฝึกให้เราเป็นผู้ควบคุมความรัก ไม่ใช่ให้ความรักมาควบคุมเรา

          เสน่ห์ คำแปลจริงๆ แปลว่า ยางเหนียว เค้าเปรียบว่าอารมณ์คนเราแปลก ใจคนเราเหมือนลิง เดี๋ยวคิดเรื่องนี้ คิดเรื่องโน้น ชั่วโมงนึงคิดได้เป็น 10 เรื่อง แต่พอเจอเสน่ห์หาเข้า เห็นแต่หน้าสาวใจจะจดจ่อไม่หลุดไปไหน โบราณเปรียบเหมือนลิงติดตัง พ่อแม่จะห้ามก็ห้ามไม่อยู่ จะเตลิดไปให้ได้ เราต้องรู้อารมณ์ของเรา ต้องเบรกไว้ก่อน ถ้ามันถลำไปลึกๆ จะหลุดยาก ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี

         ทำอย่างไรเมื่ออกหัก บางคนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ การฆ่าตัวตายแบบนี้จะเป็นบาปหนัก อกหักซ่อมได้ ๗ วันดามอยู่เลย แค่หยุดคิด ตัณหาความทยานอยากเกิดมาจากความคิด วนถึงเรื่องอดีตเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เคยผูกพันธ์ในอดีตบางตอนสดชื่นหวานชื่น คิดวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น ต้องหยุดคิด ทำอย่างไรถึงจะหยุดคิดได้ ต้องมีตัวช่วยคือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมเก่าๆ บางทีมันลึก เก้าอี้ตัวนี้เราเคยนั่งคุยด้วยกัน มันก็จะกลับมาคิดอีก หางานทำให้ยุ่งๆ ทำอะไรก็ได้ให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว ให้เหงื่อออก ความคิดฟุ้งซ่านมันจะลดลง ตั้งใจตัดใจให้ได้ พอเริ่มจะคิดพยายามยุดให้ได้ ถ้าทำท่าจะคิดอีก ให้สวดมนต์ช่วย เพราะการสวดมนต์จะทำให้เราหยุดคิดได้ ตั้งอกตั้งใจ ๗ วันหายเลย อาจจะไม่ถึง 100% แต่ช่วยได้ 90% แล้ว ที่เหลือเราคุมเกมส์ได้แล้ว ดีกว่าไปนั่งเศร้า โบราณบอก

          “ จะหักอื่นฝื่นหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ”  

          มันโยงใยกันข้ามพบข้ามชาติ แต่ถ้ารู้หลักวิชาหยุดที่ความคิดแล้วล่ะก็ถึงไม่ขาด 100 % ก็สามารถ หยุดได้ 90% ก็พออยู่ได้ ที่เหลือก็ให้เวลาช่วย ถ้ามีคนรู้จักกับลังน้อยใจเสียใจกับเรื่องอกหัก วิธีช่วยคือ ชวนไปวัด ไปทำโน้นทำนี่ อย่าให้เค้ามีเวลาว่าง อย่าให้อยู่เฉย สักพักเดียวเรื่องนี้จะค่อยๆ คลายไป คนเรามันคลิกเดียวจริงๆ เคยมีเพื่อนสมัยเรียนหนังสือด้วยกัน ในมหาวิทยาลัย จะมีเรื่องทำนองนี้เยอะ บางคนเสียผู้เสียคนไปเลย เรียนไม่จบ แต่บางคนก็จังหวะนิดเดียว พอได้คิดก็คิดได้ บางคนเห็นผู้หญิงไปนั่งคุยกับชายอื่น บางคนจะน้อยใจ แต่บางคนเค้าอาจจะมีศักดิ์พอสมควร ตอนที่ผู้หญิงเค้าไม่ค่อยคุยด้วย ก็คิดจะไปง้อเค้าอย่างไร คิดโน้นคิดนี่จะทำอย่างไร กลุ้มอกกลุ้มใจ แต่พอเห็นเค้านั่งคุยกับผู้ชายคนอื่น ก็คิดได้ว่าเค้าไม่ได้รักเราเหมือนเดิมแล้ว ก็ตัดใจได้เลย ไม่คิดต่อ เห็นไหมมันนิดเดียวจริงๆ นะ คือ ได้คิดก็คิดได้ เรื่องก็จบ ทั้งหมดอยู่ที่ความคิด

          สำหรับคนที่มีคู่อยู่แล้วลองดูสิเรามีคู่แบบไน จะเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก คู่สร้างคู่สม หรือตัวเล็กๆอยู่ข้างหลังคู่ทาส คู่รักร้าง คู่เวรคู่กรรม หรือว่าเพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน ลองมาดูกันพระพุทธเจ้าพระองค์แบ่งประเภทของภรรยาและสามีไว้ ๗ แบบ

 1.ภรรยาที่เสมอเป็นเหมือนเพชฌฆาต

          เป็นภรรยาที่มีจิตคิดทำร้ายสามีของตนอยู่ตลอดเวลา ไม่อนุเคราะห์ช่วยเหลือสามีของตนด้วยประการทั้งปวง สนใจแต่ประโยชน์ของตน ยินดีและลุ่มหลงในชายอื่นที่หล่อหรือรวยกว่า ดูหมิ่นสามีของตน คิดจะขจัดสามีของตนไปไกลๆ หรือฆ่าให้ตายเสีย ภรรยาประเภทนี้ ไม่ได้มีจิตรักใคร่สามีของตนเลย อาจถูกซื้อตัวมา หรือแต่งงานเพราะหวังในทรัพย์สินของสามีเพียงเท่านั้น อาจจะพยายามฆ่าสามีเมื่อมีโอกาส เพื่อหวังในทรัพย์สิน มรดก เงินประกัน ฯลฯ

2. ภรรยาที่เป็นเหมือนโจร

          ภรรยาประเภทนี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดอยากฆ่าสามีของตน แต่มีสันดานเป็นโจรแก้ไม่หาย รักใคร่ในทรัพย์สินของสามีเพียงเท่านั้น ถึงแม้สามีจะขยันขันแข็งได้ทรัพย์มาโดยทางใด ก็เก็บงำไว้ไม่อยู่ เพราะภรรยาประเภทนี้จะยักยอกทรัพย์ของสามีเสียให้หมด เพื่อความสุขของตัวเองเท่านั้น ความร้ายแรงของภรรยาประเภทนี้ อาจถึงขั้นปอกลอกให้สามีหมดทรัพย์สินทุกอย่างที่มี ทำให้เป็นหนี้เป็นสิน และจากสามีไป

3. ภรรยาที่เป็นเหมือนนาย

          เป็นคู่กรรมตัวจริง กล่าวคือคู่ครองแบบนี้ อาจมีรักมั่นต่อกันอยู่ แต่ผู้เป็นภรรยา จะไม่สนในการงานทั้งปวง เป็นผู้ขี้เกียจ ปากร้าย ปากมาก ชอบใช้กำลัง ชอบข่มเหงสามี กินมากใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มือถึงเท้าถึง ชอบทำร้ายสามี กดขี่ให้สามีเป็นเพียงทาสคนหนึ่ง ผู้เป็นสามีต้องทำงานทุกอย่างและเลี้ยงดูภรรยาประเภทนี้ไปจนจะหมดเวรกรรมต่อกัน หรือตายขาดจากกันไป

4. ภรรยาที่เป็นเหมือนแม่

          มีคำที่คนเฒ่าคนแก่ หรือพ่อแม่สอนลูกหลานต่อมาว่า มีเมียที่ดี ก็เหมือนมีแม่ช่วยดูแลรักษา ภรรยาประเภทนี้เป็นภรรยาที่ดีมาก ช่วยเกื้อกูลสามีในทุกๆ ด้าน และรักสามีเหมือนลูกคนหนึ่ง ช่วยรักษาทรัพย์ที่สามีหามาไว้อย่างปลอดภัย เป็นภรรยาที่พึ่งพาได้เสมอ ไม่ว่าจะเจ็บไข้ หรือตกอยู่ในความทุกข์ประการใด เป็นภรรยาที่มีความดีงามเสมอกับแม่อย่างแท้จริง

5. ภรรยาที่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว

          เป็นภรรยาที่ดี มีความอ่อนน้อมและกิริยาเรียบร้อย พูดจาไพเราะ เป็นเหมือนกับพี่สาวน้องสาวที่ดี มีความเคารพในสามีของตนและพร้อมจะให้การสนับสนุนในทุกๆ เรื่อง ภรรยาประเภทนี้ มักจะเป็นคนที่ละอายต่อบาป และคล้อยตามความคิดเห็นและอำนาจของสามี มีนิสัยสอดคล้องกับสามีและเข้าใจกันง่ายดุจพี่สาวน้องสาวของสามี

6. ภรรยาที่เป็นเหมือนเพื่อน

          เป็นภรรยาที่มีความเสมอกับสามีเหมือนเพื่อน มีความรักสามีเหมือนรักเพื่อนตายคนหนึ่ง มีความกลมเกลียวพร้อมเพรียงกันดี ไม่มีวันทอดทิ้งกัน คอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่เหมือนเพื่อนรัก สามารถช่วยออกความเห็นและปรึกษาเรื่องกิจการงานต่างๆ ได้ และสามีสามารถไว้วางใจให้ภรรยาประเภทนี้ทำงานต่างๆ แทนได้ เพราะเป็นเหมือนเพื่อนยาก ที่มีทั้งความสามารถและความรักต่อกันอย่างไม่เสื่อมคลาย

7. ภรรยาที่เป็นเหมือนคนใช้

          ภรรยาประเภทนี้ นับว่าอาจจะดีต่อสามี แต่ไม่ดีต่อตัวภรรยาเองและในแง่ของสิทธิมนุษยชนเลย เพราะเป็นภรรยาที่อยู่ใต้อำนาจของสามีในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะถูกสามีเฆี่ยนตี ขู่ตะคอก ใช้งานหนัก ก็ไม่โกรธ ไม่คิดโต้ตอบสามี เป็นภรรยาที่อดทนในทุกๆ เรื่องของสามี กล่าวคือ หากได้สามีดีก็นับว่าดีไป แต่หากได้สามีที่ไม่ดีเป็นคนเลว ภรรยาประเภทนี้ก็จะถูกข่มเหงรังแก เป็นทาสรับใช้ตลอดไปจนกว่าจะสิ้นเวรกรรมต่อกัน

หลักการเลือกคู่ พระพุทธเจ้าสอนว่าจะเลือกอย่างไรให้อยู่ยืนและมีความสุข มี 4 ข้อคือ

          1.สมศรัทธา-มีศรัทธาเสมอกัน  คือมีความเชื่อในหลักการและเหตุผลต่างๆ รวมทั้งเรื่องศาสนาด้วยเสมอกัน มีศรัทธาเสมอกัน ยุคปัจจุบันจะเข้าใจง่าย ถ้าในบ้านพ่อบ้านเสื้อแดงแม่บ้านเสื้อเหลืองถ้าปรับกันไม่ ไม่เคารพกันอาจจะทำให้มีปัญหาทะเลาะกันภายในบ้านได้

          2.สมศีลา-ต้องมีศีลเสมอกัน ไม่ใช่เฉพาะศีล5 แต่รวมถึงกิริยามารยาท การพูดจา แต่ถ้าหาอีกคนมารยาทดี อีกคนไม่มีมารยาทเห็นแล้วมันก็ขัดตา แต่ใหม่ๆ กำลังรัก เห็นอะไรก็มองข้ามได้หมด เรียกว่าความรักทำให้ตาบอด ถึงตอนนี้ต้องเตือนนี้ใครกำลังชอบๆ ให้ลองคิดใหม่ถ้าบางอย่างที่เค้าไม่ดีแล้วเค้าสัญญาว่าเค้าจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อตัวเรา ถ้าคิดแบบนี้ของให้คิดอีก 18 รอบ ถ้ารักจริงต้องแก้ให้ได้ก่อนแต่งแก้สำเร็จเมื่อไหร่ถึงจะยอมเป็นคู่รักจริง อย่าดูแค่อาทิตย์ สองทิตย์ ต้องดูกันเป็นปี สมศีลา-ศีลเสมอกันบางคนบอกว่าศีล 5 เสมอกัน เสมอกันจริงๆ คือผิดศีลเสมอกันเลย พ่อบ้านชอบกินเหล้า เราก็ขอบ เล่นไพ่ก็ไปด้วยกันได้อีก รู้สึกว่าโกหกก็เป็นไปทั้งคู่ มันก็ได้เหมือนกันแต่จะกลายเป็นคู่เวรคู่กรรม อยู่ด้วยกันไม่มีเบรกเลยเรียกว่าสุดกู่กันไป สร้างเวรสร้างกรรมไปด้วยกันอยู่ในโลกนี้ยังพออยู่กันได้แต่ตายไปแล้วไม่รู้จะลงกะทะทองแดงใบเดียววกันหรือไม่ มันก็แย่นะ เพราะฉะนั้นต้องศีลเสมอกันแล้วชวนกันไปทางบวกด้วย ถึงจะเป็นคู่สร้างคู่สม

          3.สมจาคะ-จาคะแปลว่าความเสียสละ มีจาคะเสมอกันมีความเสียสละ มีน้ำใจ มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลหมู่ญาติ ผู้คนทั้งหลาย อีกฝ่ายหนึ่งมีแมตตาสูง อีกฝ่ายหนึ่งก็มี มันก็เสริมกันไป ไม่ใช่อีกฝ่ายหนึ่งเมตตาอีกฝ่ายหนึ่งขี้เหนียวจะทำอะไรต้องแอบหลบๆ ซ่อนๆ มันก็ไม่มีความสุข จาคะต้องเสมอกันต่างฝ่ายต่างมีน้ำใจต่อกันมันจะช่วยกันสร้างครอบครัวสร้างชีวิต แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ตัวมันก็จะกลายเป็นคู่ร้าง ชีวิตคู่จะแห้งผลาดหากแล้งน้ำใจ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ อยู่ได้วยกันมันเซ็ง

          4.สมปัญญา-คือมีปัญญาเสมอกัน ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเท่ากัน เพราะเซ้นที่สำคัญที่สุดคือคอมมอนส์เซ้น มีสามัญสำนึก ลอจิกส์โดยพื้นฐานได้โอเคแล้ว คนดังๆ หลายคนเรียนหนังสือไม่จบมหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่เค้าฉลาด เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นตัองเรียนสูง แต่ขอให้เป็นคนมีเหตุมีผลคุยกันรู้เรื่อง และมีความคิดสร้างสรรค์ ถึงคราวอีกฝ่ายเหนื่อยขึ้นมาสามารถเล่าให้คู่ชีวิตฟัง ได้ ก็ช่วยเสริมช่วยแนะ ช่วยกันดูปิดช่องโหว่ มันมีเรื่องจริงในโลกนี้ว่า คนเราในโลกนี้ที่จะหาว่าสนิทใจ ว่าคนนี้หวังดีกับเราจริงๆ ต้องบอกว่าหาไม่ได้เลย

          ถ้าคู่ครองคู่ชีวิตที่เป็นแบบ เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน แล้วมีอะไรปรึกษาหารือกันได้อย่างสนิทใจมันเป็นพลังแรงหนุนส่งอย่างมหาสารเลย ทำให้ครอบครัวเจริญก้าวหน้า ถ้ามีสมปัญญาเสมอกันด้วยจะช่วยให้ครอบครัวมีความสุขด้วย และเจริญก้าวหน้าด้วย

          หลักที่ทำให้เสมอกันทั้ง 4 อย่างได้ ต้องอาศัยคุณธรรมพื้นฐานคือ ความอดทน ลองดูพวกเราตั้งแต่เกิดเคยข้ดใจตัวเองไหม ขนาดตัวของเราเรายังเคยขัดใจตัวเองเลย คนอื่นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำถูกใจเราทุกอย่าง

          ใครที่คิดจะมีคู่ครองโดยหวังว่าเค้าจะมาทำให้ถูกใจเราทั้งหมด คนๆ นั้นจะต้องผิดหวัด เพราะเค้าหวังผิด เพราะหวัดผิดถึงต้องผิดหวัง ต้องเข้าใจธรรมชาติว่ามันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นอะไรทีมันไม่ถูกใจเราต้องอดทน ไม่ตีโพยตีพาย ไม่โวกเวก ต้องไม่เป็นแบบนั้น และมาสังเกตตัวเองว่าตัวเรามีอะไรที่มันขัดใจเค้าด้วยไหม ตั้งใจปรับ ตั้งใจแก้กันไป ต่างฝ่ายต่างเพ่งข้อบกพร่องตัวเอง และใจกว้างต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเป็นแบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้ ค่อยๆ จูน ค่อยๆ ปรับกันไป ชีวิตคู่จะดำเนินไปด้วยความราบรื่น โบราณถึงบอก รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ ถ้ารักจะให้ความรักมันสั้นๆ ให้จบด้วนๆ แล้วล่ะก็ ให้ต่อความยาวสาวความยืดเดี๋ยวได้เลิกสมใจแน่ แต่ถ้ารักจะอยู่ด้วยกันยาวๆ แล้วล่ะก็รักยาวให้บั่น อย่าไปต่อความยาวสาวความยืด มีอะไรเกิดขึ้นให้มันจบ

          วิธีการสร้างความรักให้ยั่งยืน โบราณใช้คำดีนะ คนแต่งงานกัน มี ๒ คำคือ มีคำว่าแต่ง กับ คำว่างาน คน ๒ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จะมีระยะแต่ง กับ ระยะงาน ระยะแต่งคือช่วงโปรโมชั่น ช่วงโปรโมชั่นเรียกว่า after service ดี ไม่ว่าเครื่องเสียหรืออะไรเสียดูแลหมดทุกอย่าง แต่ถ้าหมดช่วงโปร อะไรเสียก็ต้องดูเองแล้วไม่มีใครมาดูให้ ตอนรักกันใหม่ๆ ช่วงโปรโมชั่นทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายมารักตัวเอง แต่พอเข้าระยะงานแล้ว เป็นช่วงหมดโปรโมชั่นแล้ว ต้องทำงานทำการ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เอาใจอีกฝ่ายแล้ว แต่ยังเรียกร้องให้อีกฝ่ายมาเอาใจ ตอนนี้ล่ะจะมีปัญหาแล้ว เพราะการให้กับการรับมันไม่สมดุลกันแล้ว ก็จะเกิดคอนฟิค ความขัดแย้งขึ้นมาในครอบครัว

          ในอดีตฝ่ายชายทำงานหนัก ฝ่ายหญิงทำงานบ้านดูและลูก แต่ปัจจุบันคนละยุค หญิง-ชาย ทำงานด้วยกันทั้งคู่ จะมาบอก งานในบ้านเป็นงานของฝ่ายหญิมันก็เป็นเรื่องไม่ถูก มันต้องช่วยกันอย่างสมเหตุสมผล ช่วยกันแบ่งงานกัน อย่างนี้ครอบครัวก็จะมีความสุข ให้อยู่ในช่วงโปรโมชั่นตลอดชีวิต ถ้าเราซื้อสินค้าอะไรเค้าบอกมีบริการหลังการขายตลอดอายุไข เราอยากได้แบบนั้นกั้นไหม เพราะฉะนั้นถ้าจะเป็นคู่ครองกันแล้วต้องโปรโมชั่นตลอดชีวิตถึงจะใช้ได้ อย่าไปคิด บางคนเข้าใจผิดนึกว่าไม่ได้ ต้องคมไว้ก่อน เค้าบอกเฟิสร์อินเพรสชั่น สำคัญ เพราะฉะนั้นตอนก่อนแต่งงานอยู่ด้วยกันแบบยิ้มแย้มแจ่มใส่สบาย พอแต่งงานกันวันรุ่งขึ้น 1 วันเท่านั้นเอง ตื่นเช้ามาฝ่ายชายเรียกฝ่ายหญิงเปลียนสรรพนามไปเลยจากน้องเปลี่ยนเป็น อ ผู้หญิงช็อคเลยเคยเรียกเราเพราะๆ ทำไมเพิ่งแต่งเมื่อวานนี้เองทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ ฝ่ายชายถือคติต้องตัดไม้ข่มนามไว้ก่อน แบบนี้ชีวิตคู่จะมีความสุขได้ยาก นี่คือคิดแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ ต้องคิดเอาใจเค้ามาใส่ใจเราด้วย

พระพุทธเจ้าให้หลักการครองคู่ไว้คือ สังคหวัถุ 4  (หลักธรรมที่ไว้ผูกมิตรไมตรีสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน)

          ทาน-การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อ แบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบโลภมากเห็นแก่ตัว

          ปิยวาจา-การพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน เว้นพูดเท็จ ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ

          อัตถจริยา-การสงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยากหรือลำบากกว่าเราหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

          สมานัตตา-การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเลผู้ที่เคร่งครัดปฏิบัติจะทำให้มีผู้ไว้วางใจเรามากขึ้น

          ถ้าทำได้ครบถ้วนตามหลัก 4 ข้อนี้ ชีวิตคู่จะอยู่อย่างมีความสุขและยืนนาน

CR : ฟังธรรมตามกาล

เรื่องที่เกี่ยวข้อง