พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงงานหนักเพื่อบ้านเมืองในแบบฉบับของพระองค์เอง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence 
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

คนชอบวิจารณ์กันโดยไม่รู้จริง ว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ ร.10 ไม่ค่อยทรงงาน และข้าพเจ้าก็คิดว่าพระองค์ก็ทรงทราบว่ามีคนกล่าวหาใส่ร้าย แต่ไม่ทรงใส่พระทัยแต่อย่างใด พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงเป็นมนุษย์ปุถุชน อาจจะทรงรู้สึกอะไรบ้าง แต่ด้วยพระขันติธรรมก็พระราชทานเมตตาให้ผู้ที่กล่าวหาว่าร้าย

ในเรื่องที่คนกล่าวหาเล่าลือว่าพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ไม่ค่อยทรงงานนั้น ข้าพเจ้าทราบว่าไม่เป็นความจริงเลย แท้จริงทรงงานหนักมาก และทรงงานด้วยวิธีการอันเป็นแบบฉบับเฉพาะของพระองค์

เรื่องนี้ทราบมาตั้งแต่เหตุการณ์หมู่ป่าอคาเดมีติดถ้ำขุนน้ำนางนอน ทรงโปรดให้เจ้าหน้าที่ของพระองค์ไปประจำที่หน้าถ้ำ ทรงให้ถ่ายวีดีโอ ให้ถ่ายรูปขึ้นไปถวาย ให้เขียนรายงานทูลเกล้าถวายตลอดเวลาผ่าน line ทรงหาอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนทรงติดต่อนักดำน้ำและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกด้วยพระองค์เอง และทรงให้คำปรึกษา ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดติดตามทุกระยะด้วยพระองค์เอง ทรงอดหลับอดนอนติดตามเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยพระองค์เอง ตามแบบฉบับของพระองค์ คือ ไม่ทรงต้องการให้ใครทราบว่าทรงงานเรื่องใด ทรงโปรดที่จะเงียบ โปรดที่จะให้เป็นความลับ ไม่ประกาศ ปิดทองหลังพระเงียบที่สุด แม้ผู้ที่ทำงานถวายใกล้ชิด เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในขณะนั้น นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ก็ทราบดีและเทอดทูนพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดอย่างยิ่ง แต่ทุกคนที่ทำงานถวายใกล้ชิดก็ทราบว่าทรงโปรดการทรงงานแบบเงียบที่สุด ไม่ให้เป็นข่าว 

พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ทรงใช้อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน อันทันสมัยในการสั่งงาน ในการติดตามงาน (ในขณะที่พวกเราคนไทยจำนวนมากกำลังส่งดอกไม้เจ็ดสี สวัสดีเจ็ดวัน และแชร์ข่าวลือและข้อความอันเป็นเท็จกันให้ว่อน โดยไม่ผ่านการตรวจ และใช้เพื่อความบันเทิงมากกว่าการทำงาน) 

ทรงติดตามงานอย่างใกล้ชิด ทรงจดจำได้ทุกรายละเอียดอย่างแม่นยำ และใส่พระทัยอย่างยิ่ง ทำให้คนทำงานถวายทำงานกันแทบไม่ทัน

เมื่อทรงตื่นจากพระบรรทมก็แทบจะทรงสั่งงานและตามงานในทันที และทรงงานผ่าน line application สั่งราชการคณะองคมนตรี และสำนักพระราชวังหรือส่วนราชการอื่น ๆ แทบจะทั้งวัน

ในรัชกาลนี้ ทรงแบ่งและมอบหมายงานให้องคมนตรีแต่ละท่าน ทำงานถวายเป็นด้าน ๆ ไป องคมนตรีแต่ละท่านมีงานที่ต้องรับผิดชอบทำถวายในภารกิจที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน บางท่านรับผิดชอบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บางท่านรับผิดชอบด้านสาธารณสุข บางท่านรับผิดชอบด้านเกษตร บางท่านรับผิดชอบเรื่องความมั่นคง และบางท่านรับผิดชอบด้านการศึกษา ทรงมอบหมายงานแบบทหาร คือแบ่งงานและให้รับผิดชอบในแต่ละงานอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยินมา 

พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ไม่ทรงชอบตรัส ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อคราวสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) ตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) ประพาสสหรัฐอเมริกา และเมื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสกับคนไทยในสหรัฐอเมริกาที่มาเข้าเฝ้า ทรงส่ายพระพักตร์ ด้วยความประหม่า และเขินอาย และมีพระราชกระแสว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่คนพูดเก่งนัก และตรัสเพียงสั้น ๆ แล้วทรงให้ขอเชิญเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงต่อไป ดังนี้

และ
 

แสดงให้เห็นว่ามีพระอุปนิสัยไม่โปรดที่จะตรัสมากนักมาแต่ไหนแต่ไร

แม้จะไม่ทรงชอบตรัส ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ทรงงานแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามโปรดเขียนและพิมพ์สั่งงาน ติดตามงานด้วยพระองค์เอง ผ่านอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ข้าพเจ้าได้รับฟังมาว่าในบางคราวมีพระราชหัตถเลขาให้องคมนตรีเชิญไปให้ผู้ที่ต้องรับรับสั่งหรือทำงานถวายได้มีโอกาสได้อ่านพระราชดำริในการทรงงานอย่างชัดเจนด้วยตัวเอง 

ในหลวง ร.10 ทรงงานในเวลาเดียวกับ ในหลวง ร.9 คือทรงงานเวลากลางคืนและบรรทมในเวลากลางวัน ไม่ว่าจะประทับที่ประเทศใดก็ตาม ธรรมเนียมการทรงงานในเวลาค่ำคืนของพระเจ้าแผ่นดินนี้สืบทอดกันมาในพระมหาบรมราชจักรีวงศ์ เท่าที่ข้าพเจ้าได้อ่านและได้ศึกษามาด้วยตนเอง เป็นเช่นนี้ย้อนหลังไปอย่างน้อยที่สุดตั้งแต่รัชกาลที่ 4 

ข้าพเจ้าโชคดี ได้มีโอกาสรับฟัง น้อง ๆ พี่ ๆ ที่ทำงานให้องคมนตรีหลายท่าน ได้รับรับสั่งให้ทำงาน ติดตามงาน ได้เล่าให้ฟังว่า ทรงงานหนักมาก และทรงแม่นยำ ติดตาม ใส่พระทัยในงานต่าง ๆ อย่างยิ่ง ทำงานถวายกันไม่ได้หยุดเลย เพราะทรงงานหนักมาก

แบบฉบับการทรงงานเช่นนี้ ทำให้แม้แต่การเขียนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ประชาชนทราบก็เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการขัดพระราชอัธยาศัยหรือไม่ แต่เนื่องจากมีคนจำนวนมากกล่าวให้ร้ายพระองค์ท่านว่าไม่ทรงงาน ซึ่งอันนี้เป็นข้อความอันเป็นเท็จ เป็นการใส่ร้ายพระองค์ และไม่เป็นธรรมแก่พระองค์ด้วย 

แม้จะมีขบวนการล้มเจ้าบนโลกออนไลน์ที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ และดำเนินการจ้วงจาบหยาบช้าใส่ร้ายมากมายเพียงใดก็ตาม (โปรดอ่านได้จาก ขบวนการล้มเจ้าบนโลกออนไลน์ )
แต่พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ก็ยังทรงพระมหากรุณายิ่ง ไม่โปรดให้ใช้ประมวลกฏหมายในกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาตรา 112 แต่อย่างใด  

ข้าพระพุทธเจ้าจึงอยากจะเขียน เพื่อให้คนไทย ได้รับทราบความจริง ไม่หลงเชื่อข่าวลือใส่ร้าย และให้คนเหล่านั้นที่ใส่ร้ายพระองค์ได้ทราบความจริงและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม (ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ตาม) 

อยากให้คนไทยได้ลองอ่านบทสัมภาษณ์เปิดเผยความในพระทัยของพระองค์ในนิตยสารดิฉันเมื่อยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร กันเถิดครับ แล้วจะไม่แปลกใจว่าทำไมโปรดทรงงานแบบเงียบที่สุด

การใดที่ข้าพระพุทธเจ้าเขียนตามที่ได้ยินได้ฟังมาจากผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้น้อยที่ได้ถวายงานใกล้ชิด ข้าพระพุทธเจ้าก็ขอนำมาเล่าให้คนไทยได้รู้กัน เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจให้ถูกต้อง เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่มีวิธีการใดที่จะสยบข่าวลืออันไม่เป็นจริงได้ดีที่สุดเท่ากับการนำเสนอความจริง หากผู้ใดมีสติปัญญาเพียงพอเมื่อได้ทราบความจริงและไม่มีอคติมากเกินไปจนทำให้สติปัญญาไม่สามารถทำงานได้แล้ว ก็ย่อมเข้าใจและตระหนักได้ในความเป็นจริงเช่นนั้น และควรที่จะกล้าพูดความจริงต่อไปด้วย แต่ความข้อนี้ข้าพระพุทธเจ้าคงไม่อาจจะหวังกับทุกคนได้แต่อย่างใด 

แม้นมีความผิดพลาดประการใดในการถ่ายทอดเนื้อหา ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบแทบเบื้องพระยุคลบาทเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษด้วย ควรมิควรประการใดแล้วแต่จะทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ในเดือนมหามงคล อันเป็นวาระแห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายพระพร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


ที่มา : ผจก.ออนไลน์ 24 ก.ค. 2563

“ขอนำบทความมาบันทึกไว้เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ให้คนไทยทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน”

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

relaxtrip2018.com

เพลงธงชาติ

“ธงชาติไทยไม่ใช่เพียงผืนผ้า
เอาสีมาทาให้เป็นสามสี
แต่กว่าจะเป็นไตรงรงค์ผืนนี้
เบื้องหลังยังมีเรื่องราวตั้งมากมาย
ทั้งความทุกข์ ทั้งชีวิตของบรรพชน
หล่อรวมปะปนอนาคตลูกหลานไว้
แต่วันนี้ที่ได้เห็นผืนธงไทย
น้ำตาแทบจะไหลให้สงสารแผ่นดิน
นานแค่ไหนที่เหมือนคนไทยลืมรักชาติ
ปล่อยไตรรงค์โบกสะบัดอย่างเดียวดายเสียจนชิน
ถึงเวลาเหลียวมองธงคู่แผ่นดิน
ฟังเพลงชาติให้ได้ยินเสียงหัวใจกันและกัน
ให้ลึกซึ้งถึงความทุกข์ของบรรพชน
รู้สึกกังวลอนาคตของลูกหลาน
ถ้าเห็นสามสิ่งจากผืนธงเหมือน ๆ กัน
เมื่อใดก็เมื่อนั้นสันติสุขจะคืนมา”

เพลงธงชาติ : Little Angel โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 คำร้อง-ทำนอง : หลง ลงลาย

หมายเหตุ : ไม่เกี่ยวข้องกับเพลงธงชาติ เวอร์ชั่นอื่นใด