เที่ยวพม่า #8 โบราณสถานสำคัญเมืองหงสาวดี (พะโค)

เที่ยวพม่า ตอนที่ 8 โบราณสถานสำคัญเมืองหงสาวดี (พะโค) หลังออกจากพระราชวังบุเรงนอง ทริปนี้ต้องแวะ พระเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา  ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที บัตรที่จ่ายค่าเข้าพระราชวังบุเรงนอง 1 ใบ ราคา 10,000 จ๊าด สามารถเข้าสถานที่ต่างๆ ได้ 4 แห่ง ตามรูป

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา
ကျာ်စေတဳ မုဟ်တဴ ရွှေမော်ဓော စေတီတော်

พระเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา อยู่ที่เมืองพะโค ( Bago ) หรือ หงสาวดี ซึ่งห่างจาก เมืองย่างกุ้ง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 80 กม.  เป็นเจดีย์ที่ใหญ่โตมาก ไม่คิดว่าจะใหญ่โตขนาดนี้ ความศรัทธามั่นคงมาก

พระเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค(หงสาวดี)เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ และยังเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยเดียวกันกับพระเจดีย์ชเวดากอง มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐานพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า 
ซึ่งมีความสูงถึง 114 เมตร

พระธาตุมุเตาว่า ‘ชเวมอดอ’ ครับซึ่ง หมายถึง มหาเจดีย์พระเจ้าทองคำ  เพราะพระธาตุมุเตาสูงจนต้องแหงนหน้าจนเมื่อยคอ ถึงจะมองเห็นยอดพระธาตุ จึงเป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าเผาจมูกจนแสบร้อน ซึ่งคำว่า จมูกร้อนในภาษามอญเรียกว่า “มุเตา” นั่นเอง

พระธาตุมุเตาพัง จากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2473 ประมาณ 20.00 น.เศษ การนมัสการ ยอดเจดีย์หัก ว่ากันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก

ซึ่งตามประวัติแล้ว พระธาตุแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ จนมาถึงยุค พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และ พระเจ้าบุเรงนอง ก็มีการบูรณะและสร้างเพิ่มเติมต่อมาเรื่อยๆ เคยมีคนกล่าวว่า พระธาตุแห่งนี้เป็น ที่เคารพสักการะ ของทั้งประชาชนธรรมดาและเชื้อพระวงศ์ ของพม่ามาก แม้แต่ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และ พระเจ้าบุเรงนอง จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้งไป

เดินรอบพระมหาเจดีย์ 1 รอบ แดดค่อนข้างแรง แต่ยังคงมีเมฆ / การเข้าเจดีย์ใช้บัตรใบเดียวกับพระราชวังบุเรงนองได้เลย ไม่ต้องเสียค่าบำรุงวัดเพิ่ม กราบพระเสร็จลงมาเชิงบรรไดซุ้มประตูทางเข้า สวยงามอหังการมาก

หลังจากกราบ พระมหาเจดีย์เสร็จ ได้เวลาข้างเที่ยงละ แวะกินข้าว แต่มื้อนี้ขอแบบไทยนิดนึ่ง แวะร้าน HanthaWaddy Restarant ร้านอาหารไทย จีน

ไม่ผิดหวัง บรรยากาศภายในร้านสบายๆ รสชาติถูกปาก ให้เยอะ ราคาไม่แพงมาก มีอาหารจานเดียวและเป๊ปซี่ดับกระหาย

มื้อนี้หมดไป 16,000 จ๊าด ไม่แพงครับ อร่อยด้วย น้องๆบริการดี

อิ่มแล้ว เราไปกันต่อที่มหาเจดีย์ ซึ่งอยู่ห่างจาก

พระมหาเจดีย์ (Mahazedi Pagoda 

พระมหาเจดีย์ (Mahazedi Pagoda เป็นเจดีย์ที่สร้างโดย พระเจ้าบุเรงนอง ( King Ba Yin Naung)ดูสูงใหญ่ตระการตา เดิมพระบรมธาตเขี้ยวแก้บรรจุอยู่ แต่ต่อมาได้ย้ายพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ไปประดิษฐาน ณ เมืองตองอู , เจดีย์ถูกทอดทิ้งมานานหลายศตวรรษและถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวในปี 1930 เจดีย์ปัจจุบันได้รับการบูรณะในศตวรรษที่ผ่านมา
ที่นี่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมบรเวณด้านบนเจดีย์ได้ ควรขึ้นไปอย่างระมัดระวัง ข้างบนเจดีย์สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองพะโค (Bago) , เห็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเขื่อน Mazinn แต่สำหรับผู้ที่มีความกลัวสูงไม่ควรปีนขึ้นไป  ทั้งหมดผู้หญิงสามารถเดินได้เฉพาะรอบฐานเจดีย์แต่ไม่อนุญาตให้เดินขึ้นบันไดไปชมข้างบน

Myanmar


พระมหาเจดีย์ (Mahazedi Pagoda อยู่ที่เมือง พะโค ( Bago ) ห่างจาก เมืองย่างกุ้ง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 80 กม.  ซึ่งเป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีต และหากดูจากแผนที่ประเทศไทยแล้ว เมืองหงสาในอดีต อยู่ตรงกับ พื้นที่ จังหวัด แม่ฮ่องสอน และตาก ของเรานั้นเอง  

จากพระมหาเจดีย์ Mahazedi Pagoda, Pegu, เดินทางต่อมายัง hwethalyaung, Pegu และ Kyaik Pun Pagoda က်ိဳက္ပြန္ ေစတီေတာ္, Pegu ตามลำดับ ซึ่งทุกสถานที่อยู่ในเมืองหงสาวดีทั้งสิ้น

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ กษัตริย์มอญ เมื่อ พ.ศ.1537 หรือในสมัยอาณาจักรสุธรรมวดี ราว พ.ศ. 1100 – 1600 ปัจจุบันพระนอนองค์นี้มีอายุ 1,018 ปี ยาว 55 เมตร

ตั๋วชุดเมืองบุเรงนอง เข้าฟรี

ซึ่งเป็นพระนอนไสยาสน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากพระนอนในเมืองย่างกุ้งที่มีชื่อว่าพระนอนตาหวาน ที่มีความยาว 70 เมตร เดิมพระนอนชเวตาเลียวถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน และได้มีการค้นพบเมื่อครั้งที่อังกฤษเดินทางมาสำรวจเส้นทางรถไฟในพม่าเมื่อราว 100 ปีก่อน จากนั้นจึงได้บูรณะจนใหญ่โตสวยงาม 

เจดีย์ไจปุ่น (Kyaikpun Pagoda)

พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ อายุกว่า 500 ปี สร้างขึ้นโดยพระราชธิดากษัตริย์มอญ 4 องค์ อุทิศตนแด่พุทธศาสนา สาบานตนจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศและสร้างพระไว้4ทิศ หากใครข้องแวะกับบุรุษเพศ ขอให้พระที่ตนสร้างพังลงมา 

มีตำนานเล่าขานกันว่าพระธิดาองค์สุดท้องกลับได้พบรักกับชายหนุ่ม จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของพระนาง จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีพระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่นๆ หากใครมาที่นี่ให้ตั้งจิตอธิฐานเรื่องการงาน ก็จะได้ผลสำเร็จดั่งคำอธิฐาน

จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย็นี้มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่

สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก

คำว่า ปุ่น นั้นแปลเป็นภาษาไทยคือ สี่

วัดในพม่านั้นจะไม่มีพระจำวัดอยู่เลย แต่ที่พม่านี้จะมีสถานที่แยกออกไปจากวัดเพื่อที่จะใช้เป็นที่จำวัดและศึกษาพระธรรมซึ่งจะแตกต่างจากบ้านเรามากที่วัดจะเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในทุกๆเรื่อง

พระของพม่านั้นจะมีลักษณะพระพักตร์ไม่เหมือนกับพระในบ้านเรา ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่บ่งบอกความเป็นพม่าได้

เขียนไม่จบมาต่ออีกครั้งนะครับ ขอพักผ่อนก่อน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง