ระวัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวจนท.กรมสรรพากร ค้างภาษี กด link เงินหายเกลี้ยงบัญชี

อ้างตัวจนท.กรมสรรพากร ขอตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษี

ระวัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์!! อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ขอตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีส่ง Link เว็บไซต์ปลอม หลอกให้โหลดแอปพลิเคชัน
เพื่อเข้าควบคุมเครื่องมือถือ และโอนเงินออกจากบัญชี

กลโกงมิจฉาชีพ:

  1. มิจฉาชีพค้นหาข้อมูล เจ้าของกิจการร้านค้าธงฟ้า จากเว็บไซต์ กระทรวงพาณิชย์
  2. โทรติดต่อเจ้าของกิจการร้านธงฟ้าเป้าหมาย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรขอตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษี โดยขอให้ Add LINE เข้ามา
  3. เมื่อเหยื่อ Add LINE แล้ว มิจฉาชีพทำการส่ง Link เว็บไซต์ปลอม h t t p : / / l d g r 3 . c c
  4. มิจฉาชีพขอให้กดติดตั้งโปรแกรมที่อยู่ที่บนหน้าเว็บไซต์ เมื่อติดตั้งโปรแกรมสำเร็จ ระบบจะมีการออกรหัส OTP ส่งมาทางมือถือ
  5. มิจฉาชีพขอให้แจ้งข้อมูลรหัส OTP เพื่อขอตรวจสอบข้อมูล เพื่อเข้าควบคุมมือถือ และกระทำทุจริตโดยการโอนเงินออกจากบัญชีผ่าน Mobile Banking

แนวทางรับมือเบื้องต้น
3 ไม่ :

  1. ไม่เชื่อ: ให้ติดต่อกลับหน่วยงานราชการที่ได้รับอ้างถึงเพื่อยืนยัน ตามเบอร์โทรฯ กลางของหน่วยงานนั้นๆ
  2. ไม่คลิก: Link หรือ ติดตั้งโปรแกรมที่ไม่น่าเชื่อ
  3. ไม่บอก: ไม่ให้ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลการทำธุรกรรม Online แก่ผู้อื่น

3 แจ้ง :

แจ้งภายใน 24 ชม เมื่อหลงกลทำตามคำบอกมิจฉาชีพไปแล้ว
1.แจ้ง Call Center ธนาคารทันที
2.แจ้ง ตำรวจในพื้นที่ เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
3.แจ้ง สายด่วน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1155 หรือ 1599 และสายด่วนปปง โทร. 1710

คำแนะนำ : ข้อควรปฏิบัติ

  • กรมสรรพากรไม่มีนโยบายขอตรวจสอบการชำระภาษี /คืนภาษี ผ่านการดำเนินการทางโทรศัพท์
  • ควรตรวจสอบตัวสะกด Link เว็บไซต์ต่างๆ ว่าถูกต้องตรงตามจริงไหม
  • รหัส OTP (ข้อความรหัสตัวเลข 3-6 ตัว) ที่ถูกส่งมายังมือถือ ไม่ควรแจ้งให้ผู้อื่นทราบ
  • แนะนำติดตั้ง Application ไว้ใช้แจ้งเตือนก่อนรับสายโทรศัพท์ เช่น Who’s call

Krungthai #เรื่องหลอกให้บอกต่อ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์

ขอบคุณ เพจ กรรมกรข่าว …

แค่ ‘กดลิ้งค์’ คลิกเดียวเสี้ยววินาที เงินเก็บทั้งชีวิต 40 ปี โดนดูดจากบัญชีหายเกลี้ยงในพริบตา 1.5 ล้าน มิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากร ส่งลิงค์ทางไลน์ให้กดตรวจยอดค้างภาษี

นางนิส อายุ 63 ปี ชาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมด้วย น.ส.นิดา อายุ 35 ปี ลูกสาว และนางสาวศิริวรรณ อายุ 36 ปี ลูกสะใภ้ นำเอกสารเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว หลังถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาอ้างเป็น ‘เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร’ แจ้งเรื่องค้างภาษี ก่อนแชทไลน์ส่งลิ้งค์ อ้างเป็นลิ้งค์เว็บกรมสรรพากรเข้ามา เพื่อให้ น.ส.นิดา กดลิ้งค์เข้าไปตรวจสอบว่า มีการค้างภาษีหรือไม่ แต่เมื่อกดเข้าไปแล้ว โทรศัพท์ค้างขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้า มีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า “668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุล ห้ามใช้งานโทรศัพท์” และขณะนั้นโทรศัพท์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก เห็นแค่ข้อความว่า เงินถูกโอนออกจากบัญชี จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1,458,000 บาท และจากธนาคารกรุงไทย จำนวน 10,000 บาท

สำหรับเงินที่โดนดูดไปนั้น ทั้ง 2 บัญชี ล้วนใช้แอพพลิเคชั่นของธนาคารกับโทรศัพท์ จึงรีบประสานติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้ง สภ.ห้วยยอด และกองปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี ทราบเบื้องต้นว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.สุภาพร กุลอามาตย์ ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารยูโอบี และทางธนาคารได้ทำการอายัดบัญชีแล้ว

แต่จนขณะนี้เป็นเวลา 3 วัน ที่ทางครอบครัว ต่างเฝ้ารอเงินกลับมา แต่ยังไร้วี่แวว จึงเข้าร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวไปยังผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องให้เร่งช่วยเหลือ ดูแลตรวจสอบ และลดขั้นตอนกระบวนการในการแจ้งอายัดบัญชี เพราะเมื่อกระบวนการยุ่งยาก ทำให้ไม่ทันการ พร้อมฝากเตือนพ่อแม่พี่น้องให้ระวังมิจฉาชีพที่มารูปแบบใหม่ แค่กดลิ้งค์เพียงเสี้ยววินาที เงินเก็บทั้งชีวิต ก็โดนดูดออกจากบัญชีหายเกลี้ยงภายในพริบตา

น.ส.นิดา ไทรงาม ลูกสาว บอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เช้าของวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ตอนแรกมีคนโทรมาอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ซึ่งประจวบกับที่ตนเองและแม่อยู่ระหว่างการทำเรื่องเกี่ยวกับภาษีถ่ายโอนกิจการพอดี จึงเข้าใจว่ายังคงเป็นภาษีที่ค้างอยู่ ก็เลยคุยกับเขา แล้วเขาได้แจ้งชื่อจริง นามสกุลจริงของแม่มาอย่างถูกต้อง ต่อมาเขาก็ส่งลิงค์เข้ามาทาง LINE ให้กดเข้าไป ซึ่งลิงค์ที่ส่งมา เป็นลิ้งค์รูปของกรมสรรพากร และขึ้นเป็นหน้าเว็บของกรมสรรพากร

หลังจากนั้น แจ้งให้ตนเองเขียนชื่อ นางนิส ไทรงาม ซึ่งเป็นชื่อของแม่ ไปพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ แต่จากนั้นเพียงไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็ค้าง หน้าจอขึ้นสีฟ้า ไม่สามารถบังคับอะไรได้ หลังจากนั้นเงินก็ถูกดูดออกไปเกลี้ยงบัญชีเกือบ 1.5 ล้านบาท

เธอตั้งข้อสงสัยว่า ข้อมูลของตนเองและแม่ ได้เกิดการรั่วไหลมาจากกรมสรรพากร หรือแอพทั้ง 2 ธนาคารที่ใช้อยู่หรือไม่ อยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพราะขณะนี้ยอดเงินในบัญชีของแม่ ในธนาคารไทยพาณิชย์ เหลือเพียง 761 บาท และในธนาคารกรุงไทย เหลือเพียง 900 กว่าบาทเท่านั้น โดยเป็นเงินที่ตนเองตั้งใจจะเอาไปลงทุนเปิดร้าน แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเสียก่อน

น.ส.นิดา ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องมา ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้ามาก โดยตนจะต้องไปเดินเรื่องเอง และต้องคอยส่งหนังสือต่อๆ กันไป ซึ่งเงินที่หายไป ก็คงไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ก็ยังให้กำลังใจตัวเองว่า ขอให้เงินยังอยู่ในบัญชี อย่าโดนถอนออกไปเลย แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ให้ได้คืนกลับมาบ้างก็ยังดี เพราะตอนนี้ไม่เหลือเลย ทั้งครอบครัว เครียดไปหมด โดยเฉพาะแม่เกือบจะมีอาการช็อค และโรคหัวใจกำเริบ ต้องรีบพาไปหาหมอรักษา

“โดยปกติ เมื่อเราเข้า Application ของธนาคาร จะต้องกดรหัสเข้าทุกครั้ง แต่นี่ตนเองไม่ได้กดรหัสผ่านอะไรเลย และไม่ได้ใส่รหัส otp อะไรเลยด้วย แต่เงินกลับหายไปได้ง่ายๆ เลย จึงอยากรู้ว่าเงินที่เราฝากไว้กับธนาคาร มีความปลอดภัยแค่ไหน ตอนนี้รู้สึกว่าขาดความน่าเชื่อถือไปมาก ต่อไปเมื่อขายของมาได้ คงถือเงินสดเองอย่างเดียว ไม่ฝากเข้าธนาคารอีกแล้ว เพราะกลัว ตอนนี้เดือดร้อนจริงๆ เงินเก็บทั้งชีวิตของแม่ ที่เปิดร้านเขียงขายหมูอยู่ในตลาดสดห้วยยอดมา 40 กว่าปี ตอนนี้ไปหมดเลย จึงอยากฝากเตือนทุกคนว่า ตอนนี้มิจฉาชีพมาในรูปแบบใหม่ แค่คลิกลิงค์ เงินก็สูญหายได้ เพียงไม่กี่เสี้ยววินาที”


เรื่องที่เกี่ยวข้อง