เริ่มแล้ว! เราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ลงทะเบียน 24 ก.ย. เริ่มจอง 8 ต.ค.-เที่ยว 15 ต.ค. 64

ล่าสุด โครงเราเที่ยวกันเฟส 3 เริ่ม 24 กันยายน 2564 – 31 มกราคม 2565

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

24 ก.ย.นี้ เปิดให้ลงทะเบียนใหม่เท่านั้น จะเปิดระบบจองที่พักวันที่ 8 ต.ค.

ประชาชนที่เคยลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวกันเฟส 1 และ 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิใหม่ สามารถใช้สิทธิที่คงเหลือต่อได้ โดยเริ่มจองโรงแรม/ที่พัก ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 64 – 24 ม.ค.65

TIMELINE เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ต่อจากเฟส 2 และ 1

เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เปิดจองสิทธิ์ที่พัก วันที่ 8 ต.ค. 64 วันแรก
แอปเป๋าตัง จึงยังไม่ได้เปิดระบบ ให้จองสิทธิ์


เปิดลงทะเบียน 24 ก.ย.64 เคยลงทะเบียนแล้ว ไม่ต้องลงใหม่ ใช้สิทธิ์ต่อได้เลย

ระบบลงทะเบียนเปิดแล้ว ผ่านเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกันกัน.com

จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 24 ก.ย.2564 ที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com โดยลงทะเบียนได้ทั้งรายใหม่และผู้ที่เคยใช้สิทธิ์แล้ว

ณ 23 ก.ย. 23.22 น.

จองห้องพักตั้งแต่ 8 ต.ค.เป็นต้นไป เริ่มเดินทาง 15 ต.ค 64 ในเว็บยังค้นหาโรงแรมไม่ได้นะ สนใจที่ไหน โทรไปถามทางที่พักก่อนว่าเข้าไป – ให้โรงแรมจองให้เร็วกว่า

เมื่อได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ จะสามารถจองห้องพักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.เป็นต้นไป และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2564 ยาวไปถึงต้นปี 2565

รับสิทธิท่องเที่ยว

  • รับสิทธิส่วนลดค่าห้องพัก
  • รับสิทธิส่วนลดค่าอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว
  • จองห้องพักได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ
  • 1 เบอร์โทรศัพท์ ต่อ 1 เลขบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น

หมายเหตุ เบอร์ลงทะเบียนที่ใช้รับสิทธิ ต้องเป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปฯ เป๋าตัง

** ประชาชนที่เคย ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และ เฟส 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ใหม่ สามารถใช้สิทธิที่คงเหลือต่อได้

รับสิทธิตั๋วเครื่องบิน

  • รัฐบาลคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร เข้า G-Wallet โดยห้องพัก 1 ห้อง ได้สิทธิ 2 ผู้โดยสาร
  • สิทธิเพิ่มเติมรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย สำหรับผู้ที่ออกตั๋วเครื่องบิน และเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป
  • จะต้อง Check out จากห้องพักแล้ว จึงจะสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินได้
  • ผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้จองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเป็นผู้จองและร่วมโดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวเท่านั้น
  • ริ่มลงทะเบียนขอรับเงินสนับสนุนตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2564 ถึงวันสิ้นสุดโครงการฯ โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
  • ประชาชนได้อ่านรับทราบและยอมรับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และ เงื่อนไขการลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว

รายละเอียดเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ที่มีการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้ให้สะดวก และลดช่องโหว่ในการทุจริต ที่มีงบประมาณเหลืออีกประมาณ 5,700 ล้านบาท โดยจะขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ พร้อมปรับปรุงเงื่อนไขจากเดิม เช่น ผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหาร ที่ต้องยืนยันตัวตนอีกครั้ง นำข้อมูลไปสำรวจจำนวนห้องพัก ราคาห้องพัก สูงสุดและต่ำสุด

เงื่อนไขจองโรงแรมกับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

การจองโรงแรมสำหรับเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าโรงแรม 40% (ไม่เกิน 3,500 บาทต่อคืน) โดยที่ผู้จองโรงแรม ต้องจองห้องพักล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อที่ธนาคารกรุงไทยจะส่งข้อมูลให้ ททท. และทาง ททท. จะได้ตรวจสอบถึงความผิดปกติของโรมแรมดังกล่าว
เมื่อเข้าพักโรงแรมที่จองไว้ จะต้องมีการสแกนใบหน้าของผู้เข้าใชสิทธิในโครงการ และจะมี GPS ติดไปด้วย เพื่อป้องกันการทุจริตจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสก่อน ๆ 

เงื่อนไขการท่องเที่ยว เราเที่ยวด้วยกัน


ก่อนหน้านี้ เราเที่ยวด้วยกันเคยให้ผู้ใช้สิทธิ สามารถพักแรมในจังหวัดเดียวกับภูมิลำเนาได้ แต่ในครั้งนี้ ต้องเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดเท่าน้้น

เงื่อนไข E-Voucher 


จากเดิมทางรัฐแจก E-Voucher  สำหรับท่องเที่ยว วันธรรมดาให้ 900 บาท วันหยุดให้ 600 บาท แต่ในเฟส 3 จะเป็น 600 บาททุกวัน

ขั้นตอนการขอรับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน

7 ข้อ ในการขอเงินค่าตั๋วเครื่องบิน
– ลงทะเบีบน “เราเที่ยวด้วยกัน”
– โหลดแอพฯ “เป๋าตัง”
– จองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน
– เดินทางไปเที่ยวตามเงื่อนไขของจังหวัดที่ใช้สิทธิ์
– กลับมาลงทะเบียนรับสิทธิ์ตั๋วเครื่องบิน
– กรอกข้อมูล
– รอรับการอนุมัติเงินเข้า “เป๋าตัง”

ที่มาข้อมูล : เราเที่ยวด้วยกัน.com

หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

  1. 1. สาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส3 (โครงการฯ)
    1. 1.1 ช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ คือ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 ถึง 31 มกราคม 2565
    2. 1.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม/ที่พัก ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
      1. (1) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่ยังเปิดให้บริการตามปกติ ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
        1. (1.1) ได้รับอนุญาตหรือดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
        2. (1.2) ได้รับอนุญาตแต่หมดอายุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และได้ยื่นต่ออายุแล้ว
        3. (1.3) ได้รับอนุญาตแต่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา
        4. (1.4) โรงแรม/ที่พัก นอกเหนือจากข้อ (1.1) ถึง (1.3) ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
        5. (1.5) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ประกอบการ(รายใหม่) ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2564 และเป็นผู้พิจารณาให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ตามเงื่อนไขที่ ททท. กำหนด
      2. (2) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
      3. (3) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือถูกดำเนินคดีในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
      4. (4) โรงแรมมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
    3. 1.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
      1. (1) มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
      2. (2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
      3. (3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย
      4. (4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com หรือที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563
      5. (5) มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งนี้ ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไป ในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ เว้นแต่ ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐมาก่อน และได้ดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ของธนาคารกรุงไทยแล้ว เพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวกำหนด
      6. (6) ให้ความยินยอมแก่โรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
      7. (7) ต้องไม่เป็นผู้ใช้สิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทยในการเดินทางในช่วงเวลาเดียวกัน
      8. (8) ต้องไม่ใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและไม่ใช้ E-Voucher ในพื้นที่จังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน
    4. 1.4 ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
      1. (1) ผู้ประกอบการร้านอาหาร (รายเดิม) ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
      2. (2) ผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยวตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด (รายเดิม) และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
      3. (3) ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product : OTOP) (ผู้ประกอบการ OTOP) (รายเดิม) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
      4. (4) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่ง ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว (ผู้ประกอบการบริการฯ) ที่มีคุณสมบัติครบทุกข้อดังต่อไปนี้
        1. (4.1) เป็นนิติบุคคล
        2. (4.2) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
        3. (4.3) ผ่านหลักเกณฑ์และการตรวจสอบของ ททท.
        4. (4.4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
      5. (5) ผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ (รายใหม่) ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2564 และได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ ตามเงื่อนไขที่ ททท. กำหนด
      6. (6) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตาม 1.4 (1) ถึง (5) ต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
      7. (7) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ต้องมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
    5. 1.5 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าที่พักในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิ แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิ โดยรัฐจะจ่ายให้แก่โรงแรม/ที่พัก โดยตรงหลังจากประชาชนผู้ได้รับสิทธิได้ Check out ออกจากโรงแรม/ที่พัก ราคาสุทธิ หมายถึง ราคารวมค่าที่พักและอาหารเช้า (ถ้ามี) รวมภาษีอื่นๆแล้ว (ราคาสุทธิต่อห้องต่อคืน) และ ต้องเป็นราคาที่ไม่สูงเกินปี 2564 (ราคาสุทธิของปี 2564 ต้องเป็นราคาที่ไม่เกิน Rateplan ปี 62)
    6. 1.6 รัฐจะสนับสนุน E-Voucher ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเมื่อ Check in เข้าพักโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ โดย E-Voucher มีเงื่อนไขการใช้งานดังนี้
      1. (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักจะเป็นผู้ได้รับ E-Voucher
      2. (2) ใช้จ่ายได้เฉพาะในร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และสถานประกอบการของผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.4 ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน
      3. (3) การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ประชาชนผู้ได้รับสิทธิจะต้องทำธุรกรรมกับผู้ประกอบการตามข้อ 1.4 โดยสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (face-to-face) และห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้
      4. (4) E-Voucher จะปรากฏในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในเวลา 17.00 น. ของทุกวันตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก โดยมีมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน ตามรายละเอียดการจอง ทั้งนี้ มูลค่าของ E-Voucher สามารถสะสมได้จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาตาม (5)
      5. (5) สามารถใช้จ่ายได้จนถึงเวลา 23.59 น. ของวันที่ Check out
      6. (6) E-Voucher สามารถใช้จ่ายได้จำนวนร้อยละ 40 ของราคาสุทธิในใบเสร็จรับเงิน
      7. (7) ไม่สามารถใช้ช่องทางอื่นนอกจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในการใช้ชำระเงินร่วมกับ E-Voucher ได้
    7. 1.7 รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 1.5 และ 1.6 รวมตลอดระยะเวลาโครงการฯ ไม่เกิน 15 สิทธิต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัวประชาชน (คำนวณจากจำนวนคืนคูณด้วยจำนวนห้อง เช่น 2 คืน 2 ห้อง จะเท่ากับ 4 สิทธิ และรวมทั้งโครงการ ฯ แล้วไม่เกินแล้วไม่เกิน 8 ล้านสิทธิ (เฟส 3 มีจำนวน 2 ล้านสิทธิ) ทั้งนี้ รัฐอาจพิจารณาเพิ่มเติมจำนวนสิทธิได้ในภายหลัง
      กรณีมีการจองใช้สิทธิตั้งแต่ 5 สิทธิขึ้นไป ถือว่าเข้าลักษณะท่องเที่ยวเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะให้ประชาชนแสดงหลักฐานรายชื่อ ชื่อสกุล ข้อมูลพร้อมเอกสารของผู้เข้าพักให้แก่โรงแรม/ที่พักเก็บไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % โดยมีรายละเอียดเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % แนบท้าย
    8. 1.8 รัฐจะพิจารณาผู้ได้รับสิทธิเข้าพักเมื่อประชาชนที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พัก ได้ชำระเงินค่าที่พักสำเร็จตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 1.7 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการฯ
    9. 1.9 ขั้นตอนการดำเนินโครงการฯ
      โรงแรม/ที่พัก
      1. (1) โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.2 และ 1.4 ที่ได้ลงทะเบียนในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และเฟส 2 แล้ว ที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ให้ดำเนินการยืนยันและกรอกข้อมูลผ่านระบบ TAT E – FORM ของ ททท. ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เป็นรายภูมิภาคเริ่มตั้งแต่uวันที่ 21 เมษายน ถึง 18 มิถุนายน 2564 หรือที่ ททท. จะกำหนดเพิ่มเติม ดังนี้
        #ภาคกลาง
        กรุงเทพมหานคร /ปทุมธานี /นนทบุรี /พระนครศรีอยุธยา /สระบุรี /ลพบุรี /ชัยนาท /สิงห์บุรี /สมุทรสงคราม /สมุทรสาคร /เพชรบุรี /ประจวบคีรีขันธ์ /กาญจนบุรี /ราชบุรี /นครปฐม /สุพรรณบุรี /อ่างทอง
        #ภาคเหนือ
        แม่ฮ่องสอน /เชียงใหม่ /เชียงราย /พะเยา /แพร่ /อุตรดิตถ์ /น่าน /พิษณุโลก /เพชรบูรณ์ /ตาก /อุทัยธานี /สุโขทัย /กำแพงเพชร /ลำปาง /ลำพูน /นครสวรรค์ /พิจิตร
        #ภาคใต้
        สงขลา /สตูล /นครศรีธรรมราช /พัทลุง /นราธิวาส /ยะลา /ปัตตานี /ภูเก็ต /พังงา /สุราษฎร์ธานี /ตรัง /กระบี่ /ชุมพร /ระนอง
        #ภาคตะวันออก
        ชลบุรี /ระยอง /จันทบุรี /ตราด /นครนายก /ปราจีนบุรี /สระแก้ว /ฉะเชิงเทรา /สมุทรปราการ
        #ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
        นครราชสีมา /ชัยภูมิ /อุบลราชธานี /อำนาจเจริญ /ยโสธร /ขอนแก่น /ร้อยเอ็ด /กาฬสินธุ์ /มหาสารคาม /นครพนม /สกลนคร /มุกดาหาร /อุดรธานี /หนองคาย /บึงกาฬ /เลย /หนองบัวลำภู /บุรีรัมย์ /สุรินทร์ /ศรีสะเกษ
      2. (2) ผู้ประกอบการที่สมัครตาม (1) แล้วต้องให้ความยินยอม (Consent) ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”

      ประชาชน
      1. (1) ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้วตั้งแต่ เฟส 1 และเฟส 2 ต้องให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก่อน จึงจะดำเนินการใช้สิทธิในโครงการฯ เฟส 3 ได้
      2. (2) ประชาชนที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 3 ให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com และ ให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ก่อนดำเนินการใช้สิทธิ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ และผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
      3. (3) ประชาชนตรวจสอบรายชื่อโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ทั้งนี้ ไม่สามารถใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและใช้ E-Voucher ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้
      4. (4) ประชาชนจองที่พักโดยตรงกับโรงแรม/ที่พักตาม (3) ตามขั้นตอนและวิธีการที่โรงแรม/ที่พักกำหนด ได้ตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ โดยทำการจองอย่างน้อย 7 วันล่วงหน้าก่อนการเข้าพัก และให้ความยินยอมโรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจอง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ การท่องเทียวแห่งประเทศไทย (ททท.)
      5. (5) ให้ประชาชนตรวจสอบการแจ้งเตือนการจอง (Notification) ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดการจองในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และชำระเงินค่าที่พัก (ซึ่งเป็นจำนวน 60% หลังจากที่ได้หักเงินสนับสนุนจากรัฐ 40% แล้ว) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ได้รับแจ้งให้ชำระเงิน (Notification) หากไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว การจองจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ และ เมื่อชำระเงินแล้วจะไม่สามารถยกเลิกการจอง แต่ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
        1. 5.1 โรงแรม/ที่พักที่ประสงค์จะให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพัก ให้ดำเนินการดังนี้
          1. (1) ให้ลูกค้าติดต่อขอเลื่อนการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักโดยตรง
          2. (2) แก้ไขข้อมูลรายละเอียดการเข้าพักผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ทำรายการ
          3. (3) ให้ลูกค้าตรวจสอบรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงการเข้าพักในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และให้ลูกค้ากด “ยืนยันรายการเลื่อนเข้าพัก”
        2. 5.2. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเข้าพักจะเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะวัน-เวลาเข้าพักเท่านั้น โดยรายละเอียดอื่น เช่น จำนวนวันเข้าพัก จำนวนห้องพัก หรือราคาห้องพัก จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
        3. 5.3 การเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
          1. (1) ลูกค้าต้องเหลือสิทธิตามโครงการฯ ไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิที่ต้องใช้สำหรับการเข้าพักตามรายละเอียดการจองที่ลูกค้าประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น รายละเอียดการจองที่ขอเปลี่ยนแปลงต้องใช้สิทธิจำนวน 5 สิทธิ แต่ลูกค้ารายดังกล่าวคงเหลือสิทธิตามโครงการฯ เพียง 4 สิทธิ จะไม่สามารถขอเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักได้
          2. (2) สิทธิรวมทั้งโครงการฯ จะต้องคงเหลือไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิที่ต้องใช้สำหรับการขอเปลี่ยนแปลงการเข้าพักตามรายละเอียดการจองที่ลูกค้าประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงนั้น
        4. 5.4. วัน-เวลาเข้า (Check in) และ ออกจากที่พัก (Check out) ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ในช่วงระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เท่านั้น ทั้งนี้จะต้องไม่เกินวันสิ้นสุดโครงการฯ
      6. (6) ประชาชนกดปุ่ม “เช็คอิน รับสิทธิคูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อทำการ Check in โรงแรม/ที่พักที่จองไว้
      7. (7) โรงแรม/ที่พักสแกน QR Code ที่เกิดจากกระบวนการตาม (6) เพื่อ Check in ซึ่งจะต้องเป็นไปในลักษณะปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (Face-to-Face) โดยห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้ จากนั้นตรวจสอบรายละเอียดการจอง และดำเนินการสแกนใบหน้าประชาชนเพื่อยืนยันการจอง และกดยืนยันการ Check in ทั้งนี้ QR Code ดังกล่าวจะมีระยะเวลาใช้งาน 3 นาที โดยสามารถสร้างใหม่ได้
        1. (7.1) กรณียืนยันใบหน้าไม่สำเร็จ ประชาชนยินยอมให้โรงแรม/ที่พักดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก และยืนยันการตรวจสอบผ่านระบบแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” รวมทั้งยินยอมให้โรงแรม/ที่พักเก็บบันทึกภาพถ่ายใบหน้าของผู้เข้าพักในขณะทำการเช็คอินและเช็คเอ้าท์เพื่อใช้เป็นหลักฐาน
        2. (7.2) นำเทคโนโลยีการระบุตำแหน่ง (GPS) มาใช้เพื่อระบุตำแหน่งในการยืนยันตัวตนของประชาชนผู้ใช้สิทธิเพื่อดำเนินการ Check in ณ โรมแรม/ที่พัก ที่ทำการจองไว้
      8. (8) ประชาชนเข้าพัก และกดปุ่ม “ใช้คูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่าย E-Voucher ตามเงื่อนไขการใช้งานข้อ 1.6
      9. (9) สามารถ Check in เพื่อใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ภายในเวลา 11.59 น. ของวันถัดจากวัน Check in ในวันแรกตามรายละเอียดการจอง หากไม่ Check in ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จะถือว่าสละสิทธิและประชาชนจะไม่ได้รับ E-Voucher สำหรับวันที่ไม่ได้ Check in นั้น และผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % สำหรับวันแรกที่ Check in ไม่ทันภายในกำหนด ทั้งนี้ เงินที่ชำระแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ โดยถือว่าได้ใช้จำนวนสิทธิของตนตามที่ได้รับสิทธิจริงเท่านั้น
      10. (10) รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามข้อ 1.5 หลังจาก Check out แล้ว โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามจำนวนสิทธิที่ประชาชนได้รับจริงเท่านั้น
      11. (11) ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน โรงแรม/ที่พักจะได้รับเงินสนับสนุน 40 % และประชาชนผู้ใช้สิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน เมื่อโรงแรม/ที่พักได้ส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเข้าพักจริงของประชาชนผู้ใช้สิทธิตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %และคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
  2. 2. สาระสำคัญของโครงการฯ สำหรับการโดยสารเครื่องบิน
    1. 2.1 หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ 2. นี้ ใช้บังคับกับเฉพาะประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น ทั้งนี้ การเดินทางดังกล่าวจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมโครงการฯ
    2. 2.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจสายการบิน (สายการบิน) ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
      1. (1) มีเส้นทางบินภายในประเทศ
      2. (2) ควบคุมดูแลให้ตัวแทนจำหน่าย (ถ้ามี) เสนอขายบัตรโดยสารเครื่องบินให้แก่ประชาชนในลักษณะที่ทำให้ประชาชนทราบได้ว่าค่าบัตรโดยสารเป็นจำนวนเท่าใด และค่าคอมมิชชัน (ถ้ามี) เป็นจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 2.4 โดยคำนวณจากค่าบัตรโดยสารเท่านั้น
      3. (3) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
      4. (4) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
    3. 2.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
      1. (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักและได้ทำการจองบัตรโดยสารเครื่องบินโดยตรงกับสายการบินหรือผ่านตัวแทนจำหน่าย
      2. (2) ให้ความยินยอมแก่สายการบินในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล
    4. 2.4 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนผู้จองบัตรโดยสารเครื่องบิน ในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิค่าบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสาร (กรณีเป็นบัตรโดยสารขาไป-กลับจะนับเป็นหนึ่งผู้โดยสาร) แต่ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้
      1. (1) ไม่เกิน 3,000 บาทต่อบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสาร เฉพาะกรณีที่จองโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
      2. (2) ไม่เกิน 2,000 บาทต่อบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสารในกรณีอื่น ๆ นอกเหนือจาก (1) โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
    5. 2.5 รัฐจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินตามข้อ 2.4 ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
      1. (1) ในการจองบัตรโดยสารหนึ่งครั้งจะมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารไม่เกิน 2 ผู้โดยสารต่อ 1 ห้องพักที่จอง โดยห้องพักที่จองจะต้องเป็นห้องพักที่ได้รับสิทธิตามข้อ 1. เช่น จองห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน จะมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารไม่เกิน 4 ผู้โดยสาร
      2. (2) ในการจองบัตรโดยสารหนึ่งครั้ง จำนวนการใช้สิทธิคือ 2 ผู้โดยสารต่อ 1 ห้องพักที่จอง เช่น จองห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน จะเสียสิทธิจำนวน 4 ผู้โดยสาร แม้ว่าจะเดินทางเพียง 2 คน แต่รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารสำหรับการโดยสารที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
      3. (3) การใช้สิทธิขั้นต่ำ คือ 2 ผู้โดยสารต่อการจองหนึ่งครั้ง เช่น กรณีเดินทางคนเดียวโดยจองห้องพัก 1 ห้อง 1 คืน จะเสียสิทธิจำนวน 2 ผู้โดยสาร แต่รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารสำหรับ 1 คนเท่านั้น
      4. (4) ต้องเป็นเส้นทางการบินที่มีต้นทางหรือจุดหมายปลายทางอยู่ในจังหวัดที่เป็นสถานที่ตั้งของโรงแรม/ที่พัก หรือจังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดสถานที่ตั้งของโรงแรม/ที่พัก ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อจังหวัดใกล้เคียงได้ในเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
      5. (5) ในกรณีใช้สิทธิรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารสำหรับการบินเที่ยวขาไป วันที่ Check in ขึ้นเครื่องจะต้องห่างจากวันที่ Check in โรงแรมไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาจากวันที่ Check in ทั้งโรงแรมและสายการบินจริงเท่านั้น
      6. (6) ในกรณีที่ใช้สิทธิรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารสำหรับการบินเที่ยวขากลับ วันที่ Check in ขึ้นเครื่องจะต้องห่างจากวันที่ Check out โรงแรม/ที่พักไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาจากวันที่ Check in และ Check out จริงเท่านั้น โดยการบินเที่ยวขากลับต้องไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2565
      7. (7) ในกรณีที่จองบัตรโดยสารขาไป-กลับ (Round trip) แต่มีการโดยสารจริงเพียงเที่ยวเดียว (ไปหรือกลับ) จะขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินได้เพียงครึ่งหนึ่งของข้อ 2.4 เท่านั้น
      8. (8) เมื่อ Check out ออกจากโรงแรมแล้ว จะต้องกรอกข้อมูลและกดปุ่ม “ลงทะเบียนรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน” ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เพื่อขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ ชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ ที่ใช้ในการจองบัตรโดยสารเครื่องบินจะต้องถูกต้องตรงกับชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษบนบัตรประจำตัวประชาชน
    6. 2.6 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารเครื่องบินรวมทั้งโครงการฯ ไม่เกิน 2 ล้านผู้โดยสาร
    7. 2.7 การพิจารณาผู้ได้รับสิทธิตามข้อ 2.4 จะพิจารณาเมื่อประชาชนผู้จองได้ดำเนินการตามข้อ 2.5 (8) ครบถ้วนและได้รับการตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้อง ตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 2.6 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาตามข้อ 2.5 (8) ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน ประชาชนผู้ขอรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน จะได้รับเงินสนับสนุนหลังจากโรงแรม/ที่พักส่งเอกสารหลักฐานและคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
  3. 3. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
    1. 3.1 การใช้จ่าย E-Voucher จะสามารถใช้จ่ายได้เฉพาะเพื่อชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านอาหาร ค่าผ่านประตู ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใด ของสถานที่ท่องเที่ยว และค่าบริการของผู้ประกอบการบริการฯ เท่านั้น ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขการใช้งาน E-Voucher ตามข้อ 1.6
    2. 3.2 การชำระเงินโดยใช้ E-Voucher จะต้องชำระทั้งจำนวนตามที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินในคราวเดียว เช่น กรณีใบเสร็จรับเงินระบุจำนวนค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งหมด 1,000 บาท สามารถใช้ E-Voucher ชำระได้จำนวน 400 บาท และจะต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” อีก 600 บาท
    3. 3.3 เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ จองโรงแรม/ที่พักและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว หากเกิดปัญหาอย่างใด ๆ ขึ้นที่ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าพัก เข้ารับบริการ หรือการใช้สิทธิตามโครงการฯ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เรียกคืนความเสียหายจากโรงแรม/ที่พัก
    4. 3.4 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องปฏิบัติตามสาระสำคัญของโครงการฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ
    5. 3.5 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความปั่นป่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
    6. 3.6 ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน ประชาชนผู้ขอรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน จะได้รับเงินสนับสนุนหลังจากโรงแรม/ที่พักส่งเอกสารหลักฐานและคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
    7. 3.7 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตนเองในการลงทะเบียน การยืนยันตัวตนเข้าพัก หรือกรณีอื่นใด ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
    8. 3.8 หากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าวจะต้องจ่ายเงินคืนให้แก่รัฐภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งถึงการกระทำดังกล่าว โดยจ่ายเงินคืนผ่านช่องทางที่รัฐกำหนด
    9. 3.9 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่กระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ได้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนภาครัฐ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
    10. 3.10 ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนโดยสแกนใบหน้าและต้องตรงกับฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยฯ ในการเข้าร่วมโครงการซึ่งเป็นไปเงื่อนไขตามที่ ททท. กำหนด
  4. 4. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
    1. 4.1 กิจการ โรงแรม/ที่พัก
      1. (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่เช็คเอาท์
        ทั้งนี้โรงแรมมีหน้าที่จัดเก็บหลักฐานการเข้าพักของประชาชนผู้ใช้สิทธิไว้เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปีนับจากวันที่เช็คเอาท์
        โดยหลักฐานดังกล่าวประกอบด้วย
        1. 1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน
        2. 2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
        3. 3. Folio (ถ้ามี)
        *หมายเหตุ : กรณีที่มีการจองครั้งเดียวตั้งเเต่ 5 สิทธิ ใน 1 ครั้ง (หมู่คณะ) จะต้องนำส่งหลักฐานในข้อ 1 – 3 ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com ภายใน 7 วันนับถัดจากวันเช็คเอ้าท์ เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน
      2. (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ให้ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก มีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักว่าเป็นบุคคลเดียวกับผู้ที่ทำการจองใช้สิทธิ และกดยืนยันการเช็คอินในระบบตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก และผู้ประกอบการต้องจัดส่งหลักฐานดังต่อไปนี้ ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
        1. 1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน
        2. 2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
        3. 3. Folio (ถ้ามี)
        4. 4. ภาพถ่ายผู้ใช้สิทธิในวันที่ Check in และ Check Out
        หมายเหตุ : จะต้องนำส่งหลักฐานในข้อ 1-4 ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com ภายใน 7 วันนับถัดจากวันเช็คเอ้าท์ และจัดเก็บหลักฐานดังกล่าวไว้ เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากวันที่เช็คเอ้าท์ อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % กรณีสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ มีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน
    2. 4.2 กิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า
      1. (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายตามปกติ ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่รับชำระ E-Voucher จากประชาชนผู้ใช้สิทธิ
      2. (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายผิดปกติ ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า จะต้องจัดส่งใบเสร็จรับเงิน/หลักฐานการได้รับเงิน/รายการสินค้าหรือบริการ หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % และจัดเก็บหลักฐานดังกล่าวไว้ เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากวันที่รับเงิน อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน
    3. 4.3 ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
      1. (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และได้ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง
        ประชาชนผู้ใช้สิทธิ จะได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเข้า G-Wallet ของประชาชนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในอัตรา 40% ของมูลค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อ 1 ผู้โดยสาร เมื่อมีการท่องเที่ยวและเข้าพักในที่พักตามโครงการเราเที่ยวด้วยกันในจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินในทุก 15 วัน
      2. (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และได้ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรมเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน ประชาชนผู้ขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จะได้รับเงินสนับสนุนในอัตรา 40% ของมูลค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จำนวนไม่เกิน 2,000 บาท หรือไม่เกิน 3,000 บาท แล้วแต่กรณี ภายหลังจากโรงแรมส่งเอกสารหลักฐานและคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง