เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 1 เดือนใช้ไป 7.4 แสนสิทธิ

เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 1 เดือนใช้ไป 7.4 แสนสิทธิ .. ใครยังไม่เคยใช้สิทธิ

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา รับ สิทธิเฟส 4 จํานวน 10 สิทธิ

เคยได้สิทธิ์เดิม –> คลิก เราเที่ยวด้วยกัย ยืนยันสิทธิ์

สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน เข้าระบบ 10 สิทธิ

โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2565 – 31 พฤษภาคม 2565

ประชาชนที่เคยลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1 , 2 และ 3 แล้ว 

ให้กดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บนแอปฯเป๋าตัง เพื่อรับสิทธิในเฟส 4 จํานวน 10 สิทธิ

ประชาชนผู้ไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 65 เป็นต้นไป

ล่าสุดสิทธิที่พักเหลือ ณ วันที่ 26 ก.พ. 65 จำนวน 1,257,358 สิทธิ์ คงเหลือเวลาอีก 3 เดือน โดยประมาณ

ระยะเวลาโครงการ

โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2565

เริ่มลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 (สำหรับผู้ไม่เคยลงทะเบียนโครงการเราด้วยกัน)

ตั้งแต่ 1 ก.พ. 65 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 06.00-21.00 น.

เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการภาคประชาชน

  • เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
  • มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

ที่พัก เริ่มจอง 1กพ. เข้าพักได้วันแรก 8 กพ.(ล่วงหน้า 7 วัน)

การติดตามข้อคืนตั๋วเครื่องบิน เราเที่ยวด้วยกัน 3

ตั๋วเครื่องบินเริ่มจองได้วันที่ 3 ก.พ. 65 เราเที่ยวด้วยกัน 4

สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ให้ดำเนินการอัปเดตเวอร์ชั่นถุงเงินให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อรับสิทธิในวันที่ 1 ก.พ.65

หมายเหตุ : โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ยังไม่เปิดรับลงทะเบียนผู้ประกอบการรายใหม่

รายละเอียดโครงการ

สนับสนุนส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก
  • รัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน
  • จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 10 ห้อง หรือ 10 คืน
  • เมื่อจองที่พักแล้ว ไม่สามารถยกเลิกได้แต่สามารถเลื่อนวันเข้าพักได้ การเลื่อนเข้าพักต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด
สนับสนุนส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว
  • รัฐบาลจะสนับสนุนคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชน เมื่อ check-in โรงแรมสำเร็จ
  • จะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว วันละ 1 ครั้ง หลังเวลา 17:00 น. ของวัน check-in โดยคูปองจะหมดอายุเวลา 23:59 น. ของวัน check-out
  • คูปองอาหาร/ท่องเที่ยวสามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยประชาชนชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง
สนับสนุนค่าเดินทางโดยเครื่องบิน
  • ประชาชนที่เข้ามากรอกข้อมูลเพื่อรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้ที่จองโรงแรมผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเท่านั้น โดยมีสิทธิในการได้รับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง ทั้งนี้เงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาท ต่อผู้โดยสาร
  • สิทธิเพิ่มเติมรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย
  • ประชาชนต้องจ่ายเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนไปก่อน ณ ตอนจองตั๋วเครื่องบิน และต้องมีการเดินทางในเที่ยวบินนั้นจริง รวมถึง check-in และ check-out ที่โรงแรมที่จองไว้กับโครงการจริง
  • ตั๋วเครื่องบินเป็นประเภทไปหรือกลับ หรือทั้งไปและกลับจากจังหวัดที่อยู่ภาคเดียวกันจังหวัดที่จองโรงแรม (กรณีขึ้นลงคนละจังหวัดก็สามารถทำได้ กับเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคเดียวกันกับจังหวัดที่จองโรงแรม)
  • วันที่เดินทางไปหรือกลับ ต้องไม่ห่างจากวัน check-in หรือ check-out โรงแรมที่จองผ่านโครงการไม่เกิน 5 วัน และการเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวจะต้องอยู่ภายใน 31 พฤษภาคม 65
หมายเหตุเพิ่มเติมประชาชนจะได้รับสิทธิเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ และใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือ สถานที่ท่องเที่ยว ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใข้สิทธิสำหรับประชาชน โปรดอ่านเงื่อนไขโครงการฉบับเต็มได้ที่หน้า 
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ

หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4

  1. สาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (โครงการฯ)
    1.1 ช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ คือ ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ถึง 31 พฤษภาคม 2565
    1.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม/ที่พัก ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4
    (1) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่เป็นผู้ประกอบการรายเดิมและได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์
    www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 โดยได้ยื่นความประสงค์และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วม
    โครงการฯ ในเฟส 3 มาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติ ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
    (1.1) ได้รับอนุญาตหรือดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
    (1.2) ได้รับอนุญาตแต่หมดอายุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และได้ยื่นต่ออายุแล้ว
    (1.3) โรงแรม/ที่พัก นอกเหนือจากข้อ (1.1) ถึง (1.2) ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนวันที่ 1 มกราคม
    2563 และมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
    (2) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
    โคโรนา 2019
    (3) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือถูกดำเนินคดีในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือโครงการอื่น ๆ
    ของรัฐ
    (4) โรงแรมมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
    1.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
    (1) มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
    (2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
    (3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย
    (4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com หรือที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
    ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563
    (5) มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งนี้ ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (Dip Chip) ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไป
    ในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วม
    โครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วม
    โครงการได้ เว้นแต่ ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐมาก่อน และได้ดำเนินการยืนยันตัวตน (Dip Chip)
    ของธนาคารกรุงไทยแล้ว เพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”)
    ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและเป็นผู้ควบคุม
    ข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าว
    (6) ให้ความยินยอมแก่โรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ
    ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
    (7) ต้องไม่เป็นผู้ใช้สิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทยในการเดินทางในช่วงเวลาเดียวกัน
    (8) ต้องไม่ใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและไม่ใช้E-Voucher ในพื้นที่จังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน
    1.4 ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเราเที่ยว
    ด้วยกันเฟส 4
    (1) ผู้ประกอบการร้านอาหาร (รายเดิม) ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
    ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 โดยได้ยื่นความประสงค์และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯ ในเฟส 3 มาแล้ว และยัง
    เปิดให้บริการตามปกติ
    (2) ผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยวตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดย ททท. กำหนด (รายเดิม)
    ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 โดยได้ยื่นความ
    ประสงค์และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯ ในเฟส 3 มาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติ
    (3) ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product : OTOP)
    (ผู้ประกอบการ OTOP) (รายเดิม) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์
    www.เราเที่ยวด้วยกัน.comตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 โดยได้ยื่นความประสงค์และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการ
    เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 มาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติ
    (4) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่ง ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือเรือเช่า
    เพื่อการท่องเที่ยว (ผู้ประกอบการบริการฯ) ที่มีคุณสมบัติครบทุกข้อดังต่อไปนี้
    (4.1) เป็นนิติบุคคล
    (4.2) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    (4.3) ผ่านหลักเกณฑ์และการตรวจสอบของ ททท.
    (4.4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563
    โดยได้ยื่นความประสงค์และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯ ในเฟส 3 มาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติ
    (5) ผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ (รายใหม่)
    ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึง31 ตุลาคม 2564
    โดยได้ยื่นความประสงค์และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯ ในเฟส 3 มาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติ
    (6) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตาม 1.4 (1) ถึง (5) ต้องไม่
    เป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาด
    ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
    (7) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ต้องมีช่องทางรับชำระ
    เงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
    1.5 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าที่พักในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิ แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชน
    ผู้ได้รับสิทธิ โดยรัฐจะจ่ายให้แก่โรงแรม/ที่พัก โดยตรงหลังจากประชาชนผู้ได้รับสิทธิได้ Check out ออกจาก
    โรงแรม/ที่พัก
    ราคาสุทธิ หมายถึง ราคารวมค่าที่พักและอาหารเช้า (ถ้ามี) รวมภาษีอื่นๆแล้ว เท่านั้น (ราคาสุทธิต่อห้องต่อคืน)
    และต้องเป็นราคาที่ไม่สูงเกินปี 2564 (ราคาสุทธิของปี 2564 ต้องเป็นราคาที่ไม่เกิน Rate plan ปี 2562)
    1.6 รัฐจะสนับสนุน E-Voucher ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเมื่อ Check in
    เข้าพักโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ โดย E-Voucher มีเงื่อนไขการใช้งานดังนี้
    (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักจะเป็นผู้ได้รับ E-Voucher
    (2) ใช้จ่ายได้เฉพาะในร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และสถานประกอบการของผู้ประกอบการ OTOP และ
    ผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.4 ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน
    (3) การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ประชาชนผู้ได้รับสิทธิจะต้องทำธุรกรรมกับผู้ประกอบการตามข้อ 1.4
    โดยสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (face-to-face) และ
    ห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้
    (4) E-Voucher จะปรากฏในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในเวลา 17.00 น. ของทุกวันตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก
    โดยมีมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน ตามรายละเอียดการจอง ทั้งนี้ มูลค่าของ E-Voucher สามารถสะสมได้จนกว่า
    จะสิ้นสุดระยะเวลาตาม (5)
    (5) สามารถใช้จ่ายได้จนถึงเวลา 23.59 น. ของวันที่ Check out
    (6) E-Voucher สามารถใช้จ่ายได้จำนวนร้อยละ 40 ของราคาสุทธิในใบเสร็จรับเงิน
    (7) ไม่สามารถใช้ช่องทางอื่นนอกจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในการใช้ชำระเงินร่วมกับ E-Voucher ได้
    1.7 รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 1.5 และ 1.6 รวมตลอดระยะเวลาโครงการฯ ไม่เกิน 10 สิทธิต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัว
    ประชาชน (คำนวณจากจำนวนคืนคูณด้วยจำนวนห้อง เช่น 2 คืน 2 ห้อง จะเท่ากับ 4 สิทธิ และรวมทั้งโครงการ ฯ
    แล้วไม่เกิน 10 ล้านสิทธิ (เฟส 4 มีจำนวน 2 ล้านสิทธิ) ทั้งนี้ รัฐอาจพิจารณาเพิ่มเติมจำนวนสิทธิได้ในภายหลัง
    กรณีมีการจองใช้สิทธิตั้งแต่ 5 สิทธิขึ้นไป ถือว่าเข้าลักษณะท่องเที่ยวเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะให้ประชาชนแสดง
    หลักฐานรายชื่อ ชื่อสกุล ข้อมูลพร้อมเอกสารของผู้เข้าพักให้แก่โรงแรม/ที่พักเก็บไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานเบิก
    จ่ายเงินสนับสนุน 40 % โดยมีรายละเอียดเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % แนบท้าย
    1.8 รัฐจะพิจารณาผู้ได้รับสิทธิเข้าพักเมื่อประชาชนที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พัก ได้ชำระเงินค่าที่พักสำเร็จตามลำดับก่อนหลัง
    จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 1.7 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการฯ
    1.9 ขั้นตอนการดำเนินโครงการฯ
    โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ
    (1) โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ
    1.2 และ 1.4 ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 3 มาแล้ว จะต้องยังเปิดให้บริการ
    ตามปกติ และจะต้องไม่เป็นผู้กระทำผิดเงื่อนไขหรือกระทำการทุจริตในโครงการฯ เฟส 3
    (2) ผู้ประกอบการที่ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 3 มาแล้วตาม (1) จะต้องให้ความยินยอม
    (Consent) ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” อีกครั้ง จึงจะดำเนินการในโครงการฯ เฟส 4 ได้
    ประชาชน
    (1) ประชาชนรายเดิมที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้วตั้งแต่ เฟส 1 – 3 ต้องให้ความยินยอม
    (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก่อน จึงจะดำเนินการใช้สิทธิ
    ในโครงการฯ เฟส 4 ได้
    (2) ประชาชนรายใหม่ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 4 ให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
    และให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ก่อนดำเนินการใช้สิทธิผ่านช่องทาง
    เว็บไซต์และผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
    (3) ประชาชนตรวจสอบรายชื่อโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ทั้งนี้
    ไม่สามารถใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและใช้E-Voucher ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้
    (4) ประชาชนจองที่พักโดยตรงกับโรงแรม/ที่พักตาม (3) เท่านั้น ตามขั้นตอนและวิธีการที่โรงแรม/ที่พักกำหนด
    ได้ตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ โดยทำการจองอย่างน้อย 7 วันล่วงหน้าก่อนการเข้าพัก และให้ความยินยอมโรงแรม/ที่พัก
    ในการส่งข้อมูลการจอง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ ททท.
    (5) ให้ประชาชนตรวจสอบการแจ้งเตือนการจอง (Notification) ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมถึงตรวจสอบ
    รายละเอียดการจองในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และชำระเงินค่าที่พัก (ซึ่งเป็นจำนวน 60% หลังจากที่ได้หักเงินสนับสนุน
    จากรัฐ 40% แล้ว) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ได้รับแจ้งให้ชำระเงิน (Notification)
    หากไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว การจองจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ และ เมื่อชำระเงินแล้วจะไม่สามารถ
    ยกเลิกการจอง แต่ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    5.1 โรงแรม/ที่พักที่ประสงค์จะให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพัก ให้ดำเนินการดังนี้
    (1) ให้ลูกค้าติดต่อขอเลื่อนการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักโดยตรง
    (2) แก้ไขข้อมูลรายละเอียดการเข้าพักผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ทำรายการ
    (3) ให้ลูกค้าตรวจสอบรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงการเข้าพักในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และให้ลูกค้า
    กด “ยืนยันรายการเลื่อนเข้าพัก”
    5.2. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเข้าพักจะเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะวัน-เวลาเข้าพักเท่านั้น
    โดยรายละเอียดอื่น เช่น จำนวนวันเข้าพัก จำนวนห้องพัก หรือราคาห้องพัก จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
    5.3 การเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
    (1) ลูกค้าต้องเหลือสิทธิตามโครงการฯ ไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิที่ต้องใช้สำหรับการเข้าพัก
    ตามรายละเอียดการจองที่ลูกค้าประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น รายละเอียดการจองที่ขอเปลี่ยนแปลงต้องใช้สิทธิ
    จำนวน 5 สิทธิ แต่ลูกค้ารายดังกล่าวคงเหลือสิทธิตามโครงการฯ เพียง 4 สิทธิ จะไม่สามารถขอเปลี่ยนแปลงวัน-เวลา
    เดินทางเข้าพักได้
    (2) สิทธิรวมทั้งโครงการฯ จะต้องคงเหลือไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิที่ต้องใช้สำหรับการขอเปลี่ยนแปลง
    การเข้าพักตามรายละเอียดการจองที่ลูกค้าประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงนั้น
    5.4. วัน-เวลาเข้า (Check in) และ ออกจากที่พัก (Check out) ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ใน
    ช่วงระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 เท่านั้น ทั้งนี้จะต้องไม่เกินวันสิ้นสุดโครงการฯ
    (6) ประชาชนกดปุ่ม “เช็คอิน รับสิทธิคูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อทำการ Check in
    โรงแรม/ที่พักที่จองไว้
    (7) โรงแรม/ที่พักสแกน QR Code ที่เกิดจากกระบวนการตาม (6) เพื่อ Check in ซึ่งจะต้องเป็นไปในลักษณะปรากฏ
    ตัวต่อหน้าเท่านั้น (Face-to-Face) โดยห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้จากนั้นตรวจสอบรายละเอียดการจอง
    และดำเนินการสแกนใบหน้าประชาชนเพื่อยืนยันการจอง และกดยืนยันการ Check in ทั้งนี้ QR Code ดังกล่าว
    จะมีระยะเวลาใช้งาน 3 นาที โดยสามารถสร้างใหม่ได้
    (7.1) กรณียืนยันใบหน้าไม่สำเร็จ ประชาชนยินยอมให้โรงแรม/ที่พักดำเนินการตรวจสอบข้อมูล
    ผู้เข้าพัก และยืนยันการตรวจสอบผ่านระบบแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” รวมทั้งยินยอมให้โรงแรม/ที่พักเก็บบันทึก
    ภาพถ่ายใบหน้าของผู้เข้าพักในขณะทำการเช็คอินและเช็คเอ้าท์เพื่อใช้เป็นหลักฐาน
    (7.2) นำเทคโนโลยีการระบุตำแหน่ง (GPS) มาใช้เพื่อระบุตำแหน่งในการยืนยันตัวตนของประชาชน
    ผู้ใช้สิทธิเพื่อดำเนินการ Check in ณ โรมแรม/ที่พัก ที่ทำการจองไว้
    (8) ประชาชนเข้าพัก และกดปุ่ม “ใช้คูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่าย E-Voucher
    ตามเงื่อนไขการใช้งานข้อ 1.6
    (9) สามารถ Check in เพื่อใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ภายในเวลา 11.59 น. ของวันถัดจากวัน Check in ในวันแรก
    ตามรายละเอียดการจอง หากไม่ Check in ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จะถือว่าสละสิทธิโดยประชาชนจะไม่ได้รับ
    E-Voucher สำหรับวันที่ไม่ได้Check in นั้น และผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % สำหรับ
    วันแรกที่ Check in ไม่ทันภายในกำหนด ทั้งนี้ เงินที่ชำระแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ และถือว่าประชาขนได้ใช้จำนวนสิทธิ
    ของตนตามจำนวนสิทธิที่ได้ทำการจองในระบบแล้ว
    (10) รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามข้อ 1.5 หลังจาก Check out แล้ว โดยรัฐจะจ่ายเงิน
    สนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามจำนวนสิทธิที่ประชาชนได้รับจริงจากการ Check in และ Check out เท่านั้น
    (11) ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน โรงแรม/
    ที่พักจะได้รับเงินสนับสนุน 40 % เมื่อโรงแรม/ที่พักได้ส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเข้าพักจริงของประชาชนผู้ใช้สิทธิ
    ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % และคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบ
    ให้จ่ายเงิน
  2. สาระสำคัญของโครงการฯ สำหรับการโดยสารเครื่องบิน
    2.1 หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ 2. นี้ ใช้บังคับกับเฉพาะประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น ทั้งนี้
    การเดินทางดังกล่าวจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมโครงการฯ
    2.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจสายการบิน (สายการบิน) ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
    (1) มีเส้นทางบินภายในประเทศ
    (2) ควบคุมดูแลให้ตัวแทนจำหน่าย (ถ้ามี) เสนอขายบัตรโดยสารเครื่องบินให้แก่ประชาชนในลักษณะ
    ที่ทำให้ประชาชนทราบได้ว่าค่าบัตรโดยสารเป็นจำนวนเท่าใด และค่าคอมมิชชัน (ถ้ามี) เป็นจำนวนเท่าใด ทั้งนี้
    รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 2.4 โดยคำนวณจากค่าบัตรโดยสารเท่านั้น
    (3) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
    โคโรนา 2019
    (4) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
    2.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
    (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักและได้ทำการจองบัตรโดยสารเครื่องบินโดยตรงกับสายการบิน
    หรือผ่านตัวแทนจำหน่าย
    (2) ให้ความยินยอมแก่สายการบินในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะ
    ผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล
    2.4 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนผู้จองบัตรโดยสารเครื่องบิน
    ในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิค่าบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสาร (กรณีเป็นบัตรโดยสารขาไป-กลับจะนับเป็นหนึ่ง
    ผู้โดยสาร) แต่ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้
    (1) ไม่เกิน 3,000 บาทต่อบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสาร เฉพาะกรณีที่จองโรงแรม/ที่พักในจังหวัดภูเก็ต
    กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินและเริ่มเดินทางได้
    ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป และจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ข้อ 2.5 (5) และ (6)
    (2) ไม่เกิน 2,000 บาทต่อบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสารในกรณีอื่น ๆ นอกเหนือจาก (1)
    โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินและเริ่มเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป และจะต้อง
    เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ข้อ 2.5 (5) และ (6)
    2.5 รัฐจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินตามข้อ 2.4 ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
    (1) ในการจองบัตรโดยสารหนึ่งครั้ง (1Booking) จะมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารไม่เกิน 2 ผู้โดยสาร
    ต่อ 1 ห้องพักที่จอง โดยห้องพักที่จองจะต้องเป็นห้องพักที่ได้รับสิทธิตามข้อ 1. เช่น จองห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน
    จะมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารไม่เกิน 4 ผู้โดยสาร
    (2) ในการจองบัตรโดยสารหนึ่งครั้ง (1Booking) จำนวนการใช้สิทธิคือ 2 ผู้โดยสารต่อ 1 ห้องพักที่จอง เช่น
    จองห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน จะเสียสิทธิจำนวน 4 ผู้โดยสาร แม้ว่าจะเดินทางเพียง 2 คน แต่รัฐจะสนับสนุน
    เงินค่าบัตรโดยสารสำหรับการโดยสารที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
    (3) การใช้สิทธิขั้นต่ำ คือ 2 ผู้โดยสารต่อการจองหนึ่งครั้ง เช่น กรณีเดินทางคนเดียวโดยจองห้องพัก 1 ห้อง
    1 คืน จะเสียสิทธิจำนวน 2 ผู้โดยสาร แต่รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารสำหรับ 1 คนเท่านั้น
    (4) ต้องเป็นเส้นทางการบินที่มีต้นทางหรือจุดหมายปลายทางอยู่ในจังหวัดที่เป็นสถานที่ตั้งของโรงแรม/ที่พัก
    หรือจังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดสถานที่ตั้งของโรงแรม/ที่พัก ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อจังหวัดใกล้เคียงได้ในเว็บไซต์
    www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
    (5) ในกรณีใช้สิทธิรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารสำหรับการบินเที่ยวขาไป วันที่ Check in ขึ้นเครื่องจะต้องห่าง
    จากวันที่ Check in โรงแรม/ที่พักไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาจากวันที่ Check in ทั้งโรงแรม/ที่พักและสายการบิน
    จริงเท่านั้น
    (6) ในกรณีที่ใช้สิทธิรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารสำหรับการบินเที่ยวขากลับ วันที่ Check in ขึ้นเครื่องจะต้อง
    ห่างจากวันที่ Check out โรงแรม/ที่พักไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาจากวันที่ Check in และ Check out จริงเท่านั้น
    โดยการบินเที่ยวขากลับต้องไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
    (7) ในกรณีที่จองบัตรโดยสารขาไป-กลับ (Round trip) แต่มีการโดยสารจริงเพียงเที่ยวเดียว (ไปหรือกลับ) หรือมี
    การจองบัตรโดยสารขาไปและขากลับ แยกเป็น 2 Booking จะขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินได้เพียง
    ครึ่งหนึ่งของข้อ 2.4 เท่านั้น
    (8) เมื่อ Check out ออกจากโรงแรม/ที่พักแล้ว จะต้องกรอกข้อมูลและกดปุ่ม “ลงทะเบียนรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน”
    ผ่าน www. เราเที่ยวด้วยกัน.com เพื่อขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินภายในวันที่ 5 มิถุนายน 2565
    ทั้งนี้ชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ ที่ใช้ในการจองบัตรโดยสารเครื่องบินจะต้องถูกต้องตรงกับชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ
    บนบัตรประจำตัวประชาชน
    2.6 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารเครื่องบินรวมทั้งโครงการฯ ไม่เกิน 6 แสนผู้โดยสาร
    2.7 การพิจารณาผู้ได้รับสิทธิตามข้อ 2.4 จะพิจารณาเมื่อประชาชนผู้จองได้ดำเนินการตามข้อ 2.5 (8) ครบถ้วนและ
    ได้รับการตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้อง ตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 2.6 หรือจนกว่าจะสิ้นสุด
    ระยะเวลาตามข้อ 2.5 (8)
  3. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
    3.1 การใช้จ่าย E-Voucher จะสามารถใช้จ่ายได้เฉพาะเพื่อชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านอาหาร ค่าผ่านประตู
    ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใด ของสถานที่ท่องเที่ยว และค่าบริการของผู้ประกอบการบริการฯ เท่านั้น ทั้งนี้ ภายใต้
    เงื่อนไขการใช้งาน E-Voucher ตามข้อ 1.6
    3.2 การชำระเงินโดยใช้ E-Voucher จะต้องชำระทั้งจำนวนตามที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินในคราวเดียว เช่น
    กรณีใบเสร็จรับเงินระบุจำนวนค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งหมด 1,000 บาท สามารถใช้ E-Voucher ชำระได้จำนวน
    400 บาท และจะต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” อีก 600 บาท
    3.3 เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ จองโรงแรม/ที่พักและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว หากเกิดปัญหาอย่างใด ๆ ขึ้นที่ทำให้เกิด
    อุปสรรคต่อการเข้าพัก เข้ารับบริการ หรือการใช้สิทธิตามโครงการฯ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เรียกคืนความเสียหาย
    จากโรงแรม/ที่พัก
    3.4 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องปฏิบัติตามสาระสำคัญของโครงการฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ
    3.5 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความปั่นป่วนที่เป็นอุปสรรคต่อ
    การดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
    3.6 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตนเองในการลงทะเบียน การยืนยันตัวตนเข้าพัก หรือกรณี
    อื่นใดที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
    3.7 หากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ
    ดังกล่าวจะต้องจ่ายเงินคืนให้แก่รัฐภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งถึงการกระทำดังกล่าว โดยจ่ายเงินคืนผ่านช่องทาง
    ที่รัฐกำหนด
    3.8 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่กระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ได้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด
    โดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนภาครัฐ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
    3.9 ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนโดยสแกนใบหน้าและต้องตรงกับฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยฯ ในการเข้าร่วม
    โครงการซึ่งเป็นไปเงื่อนไขตามที่ ททท. กำหนด
  1. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
    4.1 กิจการ โรงแรม/ที่พัก
    (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง
    ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน
    ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่เช็คเอาท์
    ทั้งนี้โรงแรมมีหน้าที่จัดเก็บหลักฐานการเข้าพักของประชาชนผู้ใช้สิทธิไว้เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า
    1 ปีนับจากวันที่เช็คเอาท์
    โดยหลักฐานดังกล่าวประกอบด้วย
    1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน
  2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
  3. Folio (ถ้ามี)
    *หมายเหตุ : กรณีที่มีการจองครั้งเดียวตั้งเเต่ 5 สิทธิ ใน 1 ครั้ง (หมู่คณะ) จะต้องนำส่งหลักฐานในข้อ
    1 – 3 ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com ภายใน 7 วันนับถัดจากวันเช็คเอ้าท์ เพื่อประกอบการพิจารณา
    การจ่ายเงินสนับสนุน 40 % อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา 30 วันทำการ
    (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน
    (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ
    ให้ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก มีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักว่าเป็นบุคคลเดียวกับ
    ผู้ที่ทำการจองใช้สิทธิ และกดยืนยันการเช็คอินในระบบตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก

  4. และผู้ประกอบการต้องจัดส่งหลักฐานดังต่อไปนี้ ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com เพื่อประกอบการ
    พิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
    1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน
  1. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
  2. Folio (ถ้ามี)
  3. ภาพถ่ายผู้ใช้สิทธิในวันที่ Check in และ Check Out
    หมายเหตุ : จะต้องนำส่งหลักฐานในข้อ 1-4 ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com ภายใน 7 วัน
    นับถัดจากวันเช็คเอ้าท์และจัดเก็บหลักฐานดังกล่าวไว้ เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากวันที่เช็คเอ้าท์
    ทั้งนี้ ททท. ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการเข้าพักของประชาชนประกอบการพิจารณา
    เบิกจ่ายเงินในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือไม่ชัดเจนเพียงพอต่อการพิจารณา
    อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % กรณีสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ มีระยะเวลา
    30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน ทั้งนี้จะจ่ายเงินให้เฉพาะจำนวน
    วันเข้าพักที่ปรากฏในระบบเท่านั้น
  4. กิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า
    (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายตามปกติ
    ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ /
    รถเช่า,เรือเช่า จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่รับชำระ E-Voucher
    จากประชาชนผู้ใช้สิทธิ
    (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายผิดปกติ
    ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ /
    รถเช่า,เรือเช่า จะต้องจัดส่งใบเสร็จรับเงิน/หลักฐานการได้รับเงิน/รายการสินค้าหรือบริการ หรือเอกสารอื่นๆ
    ที่เกี่ยวข้อง ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % และจัดเก็บ
    หลักฐานดังกล่าวไว้ เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปีนับจากวันที่รับเงิน
    อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้
    ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน

  5. 4.3 ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
    กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และได้ดำเนินการ Check – In
    ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง
    ประชาชนผู้ใช้สิทธิ จะได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเข้า G-Wallet ของประชาชน
    ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในอัตรา 40% ของมูลค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร
    หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อ 1 ผู้โดยสาร เมื่อมีการท่องเที่ยวและเข้าพักในที่พักตามโครงการเราเที่ยวด้วยกันในจังหวัด
    ภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
    ในทุก 15 วัน โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อ 2.4 – 2.7
  1. ข้อความตกลงยินยอมของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ

“ข้าพเจ้า” หมายถึง บุคคลผู้เข้าร่วมโครงการฯ *
5.1 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทยฯ และ
หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้ในการลงทะเบียนเข้าร่วม
โครงการฯ
5.2 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทยฯ และ
หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดเก็บ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความ
อ่อนไหว (ข้อมูลศาสนา และข้อมูลชีวภาพ ซึ่งจัดเก็บจากระบบและแอปพลิเคชั่นเพื่อประโยชน์ของโครงการฯ)
ของข้าพเจ้า และข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ ต่อหน่วยงานของรัฐ และผู้รับให้บริการที่ได้รับมอบหมายจาก
หน่วยงานของรัฐ เพื่อการประมวลผลและการตรวจสอบข้อมูล และ/หรือเพื่อการยืนยันตัวตนหรือเพื่อการตรวจสอบ
คุณสมบัติเพื่อรับสิทธิตามโครงการฯ และ/หรือเพื่อการบริหารจัดการโครงการฯ
5.3 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทยฯ และ
หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดเก็บ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า และข้อมูลการชำระเงินตาม
โครงการฯ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินมาตรการอื่นของรัฐหรือเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินในอนาคต
5.4 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร้องขอ สอบถาม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า และ
ข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการฯ
5.5 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้มีการประมวลผลและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลให้กับหน่ายงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณี
ที่มีการยืนยันตัวตนผ่านระบบเสียบบัตรประชาชน (Dip Chip)
5.6 ความยินยอมของข้าพเจ้าในอันที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า
และข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ ตามข้อ 5. นี้ ให้มีผลไปตลอดช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ เว้นแต่ความ
ยินยอมตามข้อ 5.3 ให้มีผลตลอดไป
5.7 ข้าพเจ้าตกลงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ และรับทราบว่าหากข้าพเจ้าไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืน
หลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ข้าพเจ้าจะต้องคืนเงินที่ได้รับตามโครงการฯ ให้แก่รัฐภายใน 7 วัน
5.8 ข้าพเจ้ารับทราบและยินยอมว่า ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าข้าพเจ้าไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือ
เงื่อนไขของโครงการฯ รัฐอาจพิจารณาระงับสิทธิตามโครงการฯ ของข้าพเจ้าเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และหากพบว่า
ข้าพเจ้ากระทำการดังกล่าวจริง ข้าพเจ้าจะต้องคืนเงินที่ได้รับไปแล้วให้แก่รัฐภายใน 7 วัน ทั้งนี้ ให้การตัดสินของรัฐ
ถือเป็นที่สุด
5.9 ข้าพเจ้ารับทราบว่าการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
5.10 ข้าพเจ้ารับทราบว่าการกระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ได้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น
ใดโดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนภาครัฐ เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
ที่มีโทษทางอาญา
ข้าพเจ้าได้อ่าน รับทราบ และตกลงยินยอมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ
ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้ในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ถูกต้องตามความเป็นจริงทุก
ประการ หากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ระงับการจ่ายเงินตามโครงการฯ หรือยินยอมคืนเงินที่ได้รับพร้อมดอกเบี้ย แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ไม่ระงับซึ่งสิทธิของรัฐ
ในอันที่จะดำเนินการตามกฎหมาย

ททท. ยืนยัน วันที่ 26 มกราคม 2565