ทริปเขาค้อ (ตอนที่2) เช้านี้เราจะไปชมวิว Pino Latte Resort ยามเช้ากัน และต่อด้วย ขอพรที่วัดพระธาตุผาซ่อนแล้ว หลังจากนั้นเราจะขึ้นภูทับเบิกกัน
ที่ Pino Latte Resort & Cafe มีมุมให้ถ่ายรูปให้เราได้โพสกันหลากหลายมุม เลือกกันตามความชอบ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ขนม ไอศกรีม ที่พัก และมีที่จอดรถกว้างพอสมควร
เก็บภาพบรรยากาศมาฝากกัน ^_^
หลังจากชมบรรยากาศจนอิ่มแล้ว ถึงเวลาเข้าวัดทำบุญ วัดที่มีชื่อเสียง, ความศรัทธา และความงดงาม วัดหนึ่งในประเทศไทย นั้นคือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาแก้ว ตั้งอยู่ในชัยภูมิธรรม ณ. บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่
วัดพระธาตุผาแก้ว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม”พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัดในมงคลนามว่า”วัดพระธาตุผาแก้ว”เมืีอวันที่ 1 ก.ค. 2553 จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยมีพระครูสังฆรักษ์ ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส
สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป
เสร็จจากทำบุญถวายอัญมณีและเครื่องบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เริ่มหิว ร้านข้างแกงข้างวัดนี้ละ ที่นั่งกว้างขวาง วิวก็ดี มีอาหารทั้งข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมให้เลือกเยอะ
ร้านอาหารบริเวณวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ทางลงไปร้านมีขนมแป้งทอดโบราณ ทำจากมันเทศ เล็งอยู่นานเหมือนกัน จะอร่อยมั้ย กินร้อนๆ เสร็จใหม่ๆ อร่อยดี
เค้าเรียกว่าขนมเซาปิ้ง อร่อยดี ^_^
ลงมาจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว กลับมาที่พัก อาบน้ำ จัดกระเป๋า Checkout เดินทางต่อมุมหน้าภูทับเบิก
สถานีต่อไปภูทับเบิก
จำได้ว่าภูทับเบิกเมื่อ 10 ปีก่อน มีแต่ไร่กระหล่ำปี และมีถนนปูนซิเมนต์แคบๆ ทอดยาวเข้าสู่หมู่บ้าน ไม่มีรีสอร์ทแม้แต่หลังเดียว มาวันนี้คิดถึงไร่กระหล่ำปี ที่แสนสวย
มาวันนี้ ภูทับเบิก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีความสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 1,768 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยทัศนียภาพแบบทะเลภูเขา และมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้เป็นดินแดนในฝันของนักเดินทางที่ต้องมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต หากแวะมาเยือนช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้ยลโฉมดอกซากุระ หรือนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา
จนกล่าวได้ว่าเป็น ภูทับเบิก เป็นสถานที่สุดแสนโรแมนติก ทั้งกลางวันและกลางคืน ที่จะมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากบ้านเรือนในอำเภอหล่มสักในเบื้องล่าง จนถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “ดาวบนดิน” เลยทีเดียว
สำหรับจุดชมวิวดูดาวบนดินนั้น สามารถมองดูดาวได้ครบทั้ง 4 กลุ่ม พร้อมลานกางเต็นท์นอนฟังเสียงธรรมชาติอย่างชิดใกล้อีกด้วย นอกจากนี้ ภูทับเบิกยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง และมีแปลงปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เที่ยวภูทับเบิกเสร็จประมาณบ่ายจัด ๆ ขับรถลงพื้นราบ ไม่วิ่งเข้าเขาค้อ ตัดตรงเลี้ยวซ้ายออกถนนเส้นมุ่งหน้าเพชรบูรณ์ และเดินทางกลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ ถึงกรุงเทพประมาณ 3 ทุ่ม เพราะแวะเที่ยวเดินห้างในเมืองเพชรบูรณ์นิดหน่อย
จบทริปเที่ยวเข้าค้อ Pino Latte Resort & Cafe ,วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว และ ภูทับเบิก แบบ 2 วัน 1 คืนด้วยความประทับใจ
“This Tambon is home to a Hmong hill tribe village called Ban Thap Boek. The area lies 1,768 meters above sea level and is often referred to as the highest point in Phetchabun province. Mountainous terrain and high altitudes guarantee year-round cool weather for visitors. The area is also culturally significant: it served a catchment area for rainwater used in a sacred ceremony during His Majesty the King’s auspicious 72nd birthday anniversary.
From December to January, during the cool season, the hills are covered in cherry blossoms, making it the perfect time to visit. During the rainy season, mists engulf the hills both day and night, earning it the moniker of “the Misty Town”. A hiking event (“Climb up to Thap Boek, Experience the Coolness and Watch the Stars on the Ground”) is held to take advantage of the beautiful nighttime scenery, where at the end of the hike, participants can admire Lomsak and Lomkao towns’ twinkling lights below. The Phetchabun Tourism Association provides bungalows and tents for rent, and a campsite (with an admission fee) is also available for those who bring their own tents.
Thap Boek is located at Mu 14 in Tambon Wang Ban, Amphoe Lom Kao, Phetchabun. To get there From Phetchabun, take Highway No. 21 to Amphoe Lom Sak for 40 kilometers. At Amphoe Lom Sak, take Highway No. 203 for 13 kilometers and turn left into Amphoe Lom Kao. Proceed further for 5 kilometers, passing Ban Wang Ban. Go straight on until the end of the road, then turn left into Highway 1143 for 1 kilometer, and turn right into Highway 2331, passing Huai Nam Rin Village until Km. 18-19, prior to the checkpoint to the park. There will be a direction sign into Thap Boek Village. Turn right and drive for another 4 kilometers. (Note: The route is very steep and winding. Visitors should drive a high-power vehicle and take special precautions.)” DATA ททท.
Operating hours are 6.00 am-6.00 pm. For additional information, contact the Phetchabun Tourism Association at 0 5670 9026 or 08 1680 0223.
การเดินทางสู่ภูทับเบิก จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑ ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ถึงสี่แยกหล่มสัก ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข ๒๐๓ อีก ๑๓ กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตามทางหลวง ๒๐๑๑ และทางหลวงหมายเลข ๒๓๓๑ อีก ๔๐ กิโลเมตร ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จากตรงนี้มีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้านทับเบิกอีก ๖ กิโลเมตร เส้นทางจากหล่มเก่ามาภูทับเบิกสูงชันและคดเคี้ยวมาก รถบัสไม่สามารถขึ้นได้ ผู้ที่ใช้รถยนต์หรือรถตู้ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง อีกเส้นทางหนึ่งคือ ทางด้านอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผ่านอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เลยที่ทำการอุทยานฯ มาประมาณ ๒๔ กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิก หากขับรถต่อไปจะมาบรรจบกับเส้นทางที่ลงไปยังอำเภอหล่มเก่า
กลับไปดูการเดินทางมาเขาวันวันแรก (ตอนที่1)
