ขั้นตอนสมัครแอป “เป๋าตัง” รับเงินไปเที่ยว 3,000 บาทโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ล่าสุด โครงเราเที่ยวกันเฟส 3 เริ่ม 24 กันยายน 2564 – 31 มกราคม 2565
24 ก.ย.นี้ เปิดให้ลงทะเบียนใหม่เท่านั้น จะเปิดระบบจองที่พักวันที่ 8 ต.ค.
ประชาชนที่เคยลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวกันเฟส 1 และ 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิใหม่ สามารถใช้สิทธิที่คงเหลือต่อได้ โดยเริ่มจองโรงแรม/ที่พัก ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 64 – 24 ม.ค.65
พื้นฐานการร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3
เราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ต้องทำยังไง ? เริ่มง่าย ๆ ตามขั้นตอนนี้ได้เลยค่ะ
- ตรวจสอบสิทธิ
- เคยร่วมโครงการแล้ว ตรวจสอบสิทธิคงเหลือได้ที่ แอปฯ เป๋าตัง
- ไม่เคยร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ที่ www. เราเที่ยวด้วยกัน .com
- ติดตั้งแอปฯ เป๋าตัง และผูก G-Wallet เพื่อรับสิทธิตามโครงการ
- สำรองห้องพักโดยตรงกับทางโรงแรม/ที่พัก เพื่อสอบถามวิธีการจอง
- จองห้องพักตามขั้นตอนได้เลย (ขั้นตอนการจอง ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม)
- รอรับการแจ้งเตือนให้ชำระเงิน ผ่านแอปฯ เป๋าตัง (ถ้าไม่ได้รับการแจ้งเตือน ให้ติดต่อกับโรงแรมโดยตรง)
- ชำระเงินผ่าน G-Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ได้รับแจ้งชำระเงินเท่านั้นนะคะ
สุดท้าย! ถ้าเราจองสิทธิผ่านระบบคนกลาง เราต้องสอบถามแต่ละโรงแรมโดยตรงค่ะ ซึ่งการชำระเงินจะต้องได้รับการแจ้งเตือนและชำระเงินผ่านแอปฯ เป๋าตัง เท่านั้นค่ะ
เปิดลงทะเบียน 24 ก.ย.64 เคยลงทะเบียนแล้ว ไม่ต้องลงใหม่ ใช้สิทธิ์ต่อได้เลย
จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 24 ก.ย.2564 ที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com โดยลงทะเบียนได้ทั้งรายใหม่และผู้ที่เคยใช้สิทธิ์แล้ว
จองห้องพักตั้งแต่ 8 ต.ค.เป็นต้นไป เริ่มเดินทาง 15 ต.ค 64 ในเว็บยังค้นหาโรงแรมไม่ได้นะ สนใจที่ไหน โทรไปถามทางที่พักก่อนว่าเข้าไป – ให้โรงแรมจองให้เร็วกว่า
เมื่อได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ จะสามารถจองห้องพักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.เป็นต้นไป และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2564 ยาวไปถึงต้นปี 2565
รับสิทธิท่องเที่ยว
- รับสิทธิส่วนลดค่าห้องพัก
- รับสิทธิส่วนลดค่าอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว
- จองห้องพักได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ
- 1 เบอร์โทรศัพท์ ต่อ 1 เลขบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น
หมายเหตุ เบอร์ลงทะเบียนที่ใช้รับสิทธิ ต้องเป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปฯ เป๋าตัง
** ประชาชนที่เคย ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และ เฟส 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ใหม่ สามารถใช้สิทธิที่คงเหลือต่อได้
รับสิทธิตั๋วเครื่องบิน
- รัฐบาลคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร เข้า G-Wallet โดยห้องพัก 1 ห้อง ได้สิทธิ 2 ผู้โดยสาร
- สิทธิเพิ่มเติมรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย สำหรับผู้ที่ออกตั๋วเครื่องบิน และเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป
- จะต้อง Check out จากห้องพักแล้ว จึงจะสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินได้
- ผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้จองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเป็นผู้จองและร่วมโดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวเท่านั้น
- ริ่มลงทะเบียนขอรับเงินสนับสนุนตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2564 ถึงวันสิ้นสุดโครงการฯ โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
- ประชาชนได้อ่านรับทราบและยอมรับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และ เงื่อนไขการลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว
รายละเอียดเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ที่มีการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้ให้สะดวก และลดช่องโหว่ในการทุจริต ที่มีงบประมาณเหลืออีกประมาณ 5,700 ล้านบาท โดยจะขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ พร้อมปรับปรุงเงื่อนไขจากเดิม เช่น ผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหาร ที่ต้องยืนยันตัวตนอีกครั้ง นำข้อมูลไปสำรวจจำนวนห้องพัก ราคาห้องพัก สูงสุดและต่ำสุด
เงื่อนไขจองโรงแรมกับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3
การจองโรงแรมสำหรับเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าโรงแรม 40% (ไม่เกิน 3,500 บาทต่อคืน) โดยที่ผู้จองโรงแรม ต้องจองห้องพักล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อที่ธนาคารกรุงไทยจะส่งข้อมูลให้ ททท. และทาง ททท. จะได้ตรวจสอบถึงความผิดปกติของโรมแรมดังกล่าว
เมื่อเข้าพักโรงแรมที่จองไว้ จะต้องมีการสแกนใบหน้าของผู้เข้าใชสิทธิในโครงการ และจะมี GPS ติดไปด้วย เพื่อป้องกันการทุจริตจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสก่อน ๆ
เงื่อนไขการท่องเที่ยว เราเที่ยวด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ เราเที่ยวด้วยกันเคยให้ผู้ใช้สิทธิ สามารถพักแรมในจังหวัดเดียวกับภูมิลำเนาได้ แต่ในครั้งนี้ ต้องเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดเท่าน้้น
เงื่อนไข E-Voucher
จากเดิมทางรัฐแจก E-Voucher สำหรับท่องเที่ยว วันธรรมดาให้ 900 บาท วันหยุดให้ 600 บาท แต่ในเฟส 3 จะเป็น 600 บาททุกวัน
ขั้นตอนการขอรับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน
7 ข้อ ในการขอเงินค่าตั๋วเครื่องบิน
– ลงทะเบีบน “เราเที่ยวด้วยกัน”
– โหลดแอพฯ “เป๋าตัง”
– จองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน
– เดินทางไปเที่ยวตามเงื่อนไขของจังหวัดที่ใช้สิทธิ์
– กลับมาลงทะเบียนรับสิทธิ์ตั๋วเครื่องบิน
– กรอกข้อมูล
– รอรับการอนุมัติเงินเข้า “เป๋าตัง”
ที่มาข้อมูล : เราเที่ยวด้วยกัน.com
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3
- 1. สาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส3 (โครงการฯ)
- 1.1 ช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ คือ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 ถึง 31 มกราคม 2565
- 1.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม/ที่พัก ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
- (1) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่ยังเปิดให้บริการตามปกติ ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- (1.1) ได้รับอนุญาตหรือดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
- (1.2) ได้รับอนุญาตแต่หมดอายุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และได้ยื่นต่ออายุแล้ว
- (1.3) ได้รับอนุญาตแต่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา
- (1.4) โรงแรม/ที่พัก นอกเหนือจากข้อ (1.1) ถึง (1.3) ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
- (1.5) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ประกอบการ(รายใหม่) ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2564 และเป็นผู้พิจารณาให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ตามเงื่อนไขที่ ททท. กำหนด
- (2) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
- (3) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือถูกดำเนินคดีในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
- (4) โรงแรมมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
- (1) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่ยังเปิดให้บริการตามปกติ ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- 1.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
- (1) มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
- (2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
- (3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- (4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com หรือที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563
- (5) มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งนี้ ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไป ในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ เว้นแต่ ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐมาก่อน และได้ดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ของธนาคารกรุงไทยแล้ว เพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวกำหนด
- (6) ให้ความยินยอมแก่โรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
- (7) ต้องไม่เป็นผู้ใช้สิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทยในการเดินทางในช่วงเวลาเดียวกัน
- (8) ต้องไม่ใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและไม่ใช้ E-Voucher ในพื้นที่จังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน
- 1.4 ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
- (1) ผู้ประกอบการร้านอาหาร (รายเดิม) ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
- (2) ผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยวตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด (รายเดิม) และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
- (3) ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product : OTOP) (ผู้ประกอบการ OTOP) (รายเดิม) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
- (4) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่ง ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว (ผู้ประกอบการบริการฯ) ที่มีคุณสมบัติครบทุกข้อดังต่อไปนี้
- (4.1) เป็นนิติบุคคล
- (4.2) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- (4.3) ผ่านหลักเกณฑ์และการตรวจสอบของ ททท.
- (4.4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 และยื่นความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามวิธีการที่ ททท. กำหนด (ข้อ 1.9)
- (5) ผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ (รายใหม่) ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2564 และได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ ตามเงื่อนไขที่ ททท. กำหนด
- (6) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตาม 1.4 (1) ถึง (5) ต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
- (7) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ต้องมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
- 1.5 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าที่พักในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิ แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิ โดยรัฐจะจ่ายให้แก่โรงแรม/ที่พัก โดยตรงหลังจากประชาชนผู้ได้รับสิทธิได้ Check out ออกจากโรงแรม/ที่พัก ราคาสุทธิ หมายถึง ราคารวมค่าที่พักและอาหารเช้า (ถ้ามี) รวมภาษีอื่นๆแล้ว (ราคาสุทธิต่อห้องต่อคืน) และ ต้องเป็นราคาที่ไม่สูงเกินปี 2564 (ราคาสุทธิของปี 2564 ต้องเป็นราคาที่ไม่เกิน Rateplan ปี 62)
- 1.6 รัฐจะสนับสนุน E-Voucher ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเมื่อ Check in เข้าพักโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ โดย E-Voucher มีเงื่อนไขการใช้งานดังนี้
- (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักจะเป็นผู้ได้รับ E-Voucher
- (2) ใช้จ่ายได้เฉพาะในร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และสถานประกอบการของผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.4 ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน
- (3) การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ประชาชนผู้ได้รับสิทธิจะต้องทำธุรกรรมกับผู้ประกอบการตามข้อ 1.4 โดยสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (face-to-face) และห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้
- (4) E-Voucher จะปรากฏในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในเวลา 17.00 น. ของทุกวันตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก โดยมีมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน ตามรายละเอียดการจอง ทั้งนี้ มูลค่าของ E-Voucher สามารถสะสมได้จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาตาม (5)
- (5) สามารถใช้จ่ายได้จนถึงเวลา 23.59 น. ของวันที่ Check out
- (6) E-Voucher สามารถใช้จ่ายได้จำนวนร้อยละ 40 ของราคาสุทธิในใบเสร็จรับเงิน
- (7) ไม่สามารถใช้ช่องทางอื่นนอกจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในการใช้ชำระเงินร่วมกับ E-Voucher ได้
- 1.7 รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 1.5 และ 1.6 รวมตลอดระยะเวลาโครงการฯ ไม่เกิน 15 สิทธิต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัวประชาชน (คำนวณจากจำนวนคืนคูณด้วยจำนวนห้อง เช่น 2 คืน 2 ห้อง จะเท่ากับ 4 สิทธิ และรวมทั้งโครงการ ฯ แล้วไม่เกินแล้วไม่เกิน 8 ล้านสิทธิ (เฟส 3 มีจำนวน 2 ล้านสิทธิ) ทั้งนี้ รัฐอาจพิจารณาเพิ่มเติมจำนวนสิทธิได้ในภายหลัง
กรณีมีการจองใช้สิทธิตั้งแต่ 5 สิทธิขึ้นไป ถือว่าเข้าลักษณะท่องเที่ยวเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะให้ประชาชนแสดงหลักฐานรายชื่อ ชื่อสกุล ข้อมูลพร้อมเอกสารของผู้เข้าพักให้แก่โรงแรม/ที่พักเก็บไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % โดยมีรายละเอียดเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % แนบท้าย - 1.8 รัฐจะพิจารณาผู้ได้รับสิทธิเข้าพักเมื่อประชาชนที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พัก ได้ชำระเงินค่าที่พักสำเร็จตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 1.7 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการฯ
- 1.9 ขั้นตอนการดำเนินโครงการฯ
โรงแรม/ที่พัก- (1) โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.2 และ 1.4 ที่ได้ลงทะเบียนในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และเฟส 2 แล้ว ที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ให้ดำเนินการยืนยันและกรอกข้อมูลผ่านระบบ TAT E – FORM ของ ททท. ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เป็นรายภูมิภาคเริ่มตั้งแต่uวันที่ 21 เมษายน ถึง 18 มิถุนายน 2564 หรือที่ ททท. จะกำหนดเพิ่มเติม ดังนี้
#ภาคกลาง
กรุงเทพมหานคร /ปทุมธานี /นนทบุรี /พระนครศรีอยุธยา /สระบุรี /ลพบุรี /ชัยนาท /สิงห์บุรี /สมุทรสงคราม /สมุทรสาคร /เพชรบุรี /ประจวบคีรีขันธ์ /กาญจนบุรี /ราชบุรี /นครปฐม /สุพรรณบุรี /อ่างทอง
#ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน /เชียงใหม่ /เชียงราย /พะเยา /แพร่ /อุตรดิตถ์ /น่าน /พิษณุโลก /เพชรบูรณ์ /ตาก /อุทัยธานี /สุโขทัย /กำแพงเพชร /ลำปาง /ลำพูน /นครสวรรค์ /พิจิตร
#ภาคใต้
สงขลา /สตูล /นครศรีธรรมราช /พัทลุง /นราธิวาส /ยะลา /ปัตตานี /ภูเก็ต /พังงา /สุราษฎร์ธานี /ตรัง /กระบี่ /ชุมพร /ระนอง
#ภาคตะวันออก
ชลบุรี /ระยอง /จันทบุรี /ตราด /นครนายก /ปราจีนบุรี /สระแก้ว /ฉะเชิงเทรา /สมุทรปราการ
#ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา /ชัยภูมิ /อุบลราชธานี /อำนาจเจริญ /ยโสธร /ขอนแก่น /ร้อยเอ็ด /กาฬสินธุ์ /มหาสารคาม /นครพนม /สกลนคร /มุกดาหาร /อุดรธานี /หนองคาย /บึงกาฬ /เลย /หนองบัวลำภู /บุรีรัมย์ /สุรินทร์ /ศรีสะเกษ - (2) ผู้ประกอบการที่สมัครตาม (1) แล้วต้องให้ความยินยอม (Consent) ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
ประชาชน- (1) ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้วตั้งแต่ เฟส 1 และเฟส 2 ต้องให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก่อน จึงจะดำเนินการใช้สิทธิในโครงการฯ เฟส 3 ได้
- (2) ประชาชนที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 3 ให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com และ ให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ก่อนดำเนินการใช้สิทธิ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ และผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
- (3) ประชาชนตรวจสอบรายชื่อโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ทั้งนี้ ไม่สามารถใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและใช้ E-Voucher ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้
- (4) ประชาชนจองที่พักโดยตรงกับโรงแรม/ที่พักตาม (3) ตามขั้นตอนและวิธีการที่โรงแรม/ที่พักกำหนด ได้ตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ โดยทำการจองอย่างน้อย 7 วันล่วงหน้าก่อนการเข้าพัก และให้ความยินยอมโรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจอง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ การท่องเทียวแห่งประเทศไทย (ททท.)
- (5) ให้ประชาชนตรวจสอบการแจ้งเตือนการจอง (Notification) ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดการจองในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และชำระเงินค่าที่พัก (ซึ่งเป็นจำนวน 60% หลังจากที่ได้หักเงินสนับสนุนจากรัฐ 40% แล้ว) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ได้รับแจ้งให้ชำระเงิน (Notification) หากไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว การจองจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ และ เมื่อชำระเงินแล้วจะไม่สามารถยกเลิกการจอง แต่ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- 5.1 โรงแรม/ที่พักที่ประสงค์จะให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพัก ให้ดำเนินการดังนี้
- (1) ให้ลูกค้าติดต่อขอเลื่อนการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักโดยตรง
- (2) แก้ไขข้อมูลรายละเอียดการเข้าพักผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ทำรายการ
- (3) ให้ลูกค้าตรวจสอบรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงการเข้าพักในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และให้ลูกค้ากด “ยืนยันรายการเลื่อนเข้าพัก”
- 5.2. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเข้าพักจะเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะวัน-เวลาเข้าพักเท่านั้น โดยรายละเอียดอื่น เช่น จำนวนวันเข้าพัก จำนวนห้องพัก หรือราคาห้องพัก จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
- 5.3 การเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
- (1) ลูกค้าต้องเหลือสิทธิตามโครงการฯ ไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิที่ต้องใช้สำหรับการเข้าพักตามรายละเอียดการจองที่ลูกค้าประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น รายละเอียดการจองที่ขอเปลี่ยนแปลงต้องใช้สิทธิจำนวน 5 สิทธิ แต่ลูกค้ารายดังกล่าวคงเหลือสิทธิตามโครงการฯ เพียง 4 สิทธิ จะไม่สามารถขอเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักได้
- (2) สิทธิรวมทั้งโครงการฯ จะต้องคงเหลือไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิที่ต้องใช้สำหรับการขอเปลี่ยนแปลงการเข้าพักตามรายละเอียดการจองที่ลูกค้าประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงนั้น
- 5.4. วัน-เวลาเข้า (Check in) และ ออกจากที่พัก (Check out) ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ในช่วงระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เท่านั้น ทั้งนี้จะต้องไม่เกินวันสิ้นสุดโครงการฯ
- 5.1 โรงแรม/ที่พักที่ประสงค์จะให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพัก ให้ดำเนินการดังนี้
- (6) ประชาชนกดปุ่ม “เช็คอิน รับสิทธิคูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อทำการ Check in โรงแรม/ที่พักที่จองไว้
- (7) โรงแรม/ที่พักสแกน QR Code ที่เกิดจากกระบวนการตาม (6) เพื่อ Check in ซึ่งจะต้องเป็นไปในลักษณะปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (Face-to-Face) โดยห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้ จากนั้นตรวจสอบรายละเอียดการจอง และดำเนินการสแกนใบหน้าประชาชนเพื่อยืนยันการจอง และกดยืนยันการ Check in ทั้งนี้ QR Code ดังกล่าวจะมีระยะเวลาใช้งาน 3 นาที โดยสามารถสร้างใหม่ได้
- (7.1) กรณียืนยันใบหน้าไม่สำเร็จ ประชาชนยินยอมให้โรงแรม/ที่พักดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก และยืนยันการตรวจสอบผ่านระบบแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” รวมทั้งยินยอมให้โรงแรม/ที่พักเก็บบันทึกภาพถ่ายใบหน้าของผู้เข้าพักในขณะทำการเช็คอินและเช็คเอ้าท์เพื่อใช้เป็นหลักฐาน
- (7.2) นำเทคโนโลยีการระบุตำแหน่ง (GPS) มาใช้เพื่อระบุตำแหน่งในการยืนยันตัวตนของประชาชนผู้ใช้สิทธิเพื่อดำเนินการ Check in ณ โรมแรม/ที่พัก ที่ทำการจองไว้
- (8) ประชาชนเข้าพัก และกดปุ่ม “ใช้คูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่าย E-Voucher ตามเงื่อนไขการใช้งานข้อ 1.6
- (9) สามารถ Check in เพื่อใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ภายในเวลา 11.59 น. ของวันถัดจากวัน Check in ในวันแรกตามรายละเอียดการจอง หากไม่ Check in ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จะถือว่าสละสิทธิและประชาชนจะไม่ได้รับ E-Voucher สำหรับวันที่ไม่ได้ Check in นั้น และผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % สำหรับวันแรกที่ Check in ไม่ทันภายในกำหนด ทั้งนี้ เงินที่ชำระแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ โดยถือว่าได้ใช้จำนวนสิทธิของตนตามที่ได้รับสิทธิจริงเท่านั้น
- (10) รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามข้อ 1.5 หลังจาก Check out แล้ว โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามจำนวนสิทธิที่ประชาชนได้รับจริงเท่านั้น
- (11) ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน โรงแรม/ที่พักจะได้รับเงินสนับสนุน 40 % และประชาชนผู้ใช้สิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน เมื่อโรงแรม/ที่พักได้ส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเข้าพักจริงของประชาชนผู้ใช้สิทธิตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %และคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
- (1) โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.2 และ 1.4 ที่ได้ลงทะเบียนในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และเฟส 2 แล้ว ที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ให้ดำเนินการยืนยันและกรอกข้อมูลผ่านระบบ TAT E – FORM ของ ททท. ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เป็นรายภูมิภาคเริ่มตั้งแต่uวันที่ 21 เมษายน ถึง 18 มิถุนายน 2564 หรือที่ ททท. จะกำหนดเพิ่มเติม ดังนี้
- 2. สาระสำคัญของโครงการฯ สำหรับการโดยสารเครื่องบิน
- 2.1 หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ 2. นี้ ใช้บังคับกับเฉพาะประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น ทั้งนี้ การเดินทางดังกล่าวจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมโครงการฯ
- 2.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจสายการบิน (สายการบิน) ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
- (1) มีเส้นทางบินภายในประเทศ
- (2) ควบคุมดูแลให้ตัวแทนจำหน่าย (ถ้ามี) เสนอขายบัตรโดยสารเครื่องบินให้แก่ประชาชนในลักษณะที่ทำให้ประชาชนทราบได้ว่าค่าบัตรโดยสารเป็นจำนวนเท่าใด และค่าคอมมิชชัน (ถ้ามี) เป็นจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 2.4 โดยคำนวณจากค่าบัตรโดยสารเท่านั้น
- (3) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
- (4) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
- 2.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
- (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักและได้ทำการจองบัตรโดยสารเครื่องบินโดยตรงกับสายการบินหรือผ่านตัวแทนจำหน่าย
- (2) ให้ความยินยอมแก่สายการบินในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล
- 2.4 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนผู้จองบัตรโดยสารเครื่องบิน ในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิค่าบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสาร (กรณีเป็นบัตรโดยสารขาไป-กลับจะนับเป็นหนึ่งผู้โดยสาร) แต่ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้
- (1) ไม่เกิน 3,000 บาทต่อบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสาร เฉพาะกรณีที่จองโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
- (2) ไม่เกิน 2,000 บาทต่อบัตรโดยสารของหนึ่งผู้โดยสารในกรณีอื่น ๆ นอกเหนือจาก (1) โดยเป็นการจองบัตรโดยสารเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
- 2.5 รัฐจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินตามข้อ 2.4 ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
- (1) ในการจองบัตรโดยสารหนึ่งครั้งจะมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารไม่เกิน 2 ผู้โดยสารต่อ 1 ห้องพักที่จอง โดยห้องพักที่จองจะต้องเป็นห้องพักที่ได้รับสิทธิตามข้อ 1. เช่น จองห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน จะมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารไม่เกิน 4 ผู้โดยสาร
- (2) ในการจองบัตรโดยสารหนึ่งครั้ง จำนวนการใช้สิทธิคือ 2 ผู้โดยสารต่อ 1 ห้องพักที่จอง เช่น จองห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน จะเสียสิทธิจำนวน 4 ผู้โดยสาร แม้ว่าจะเดินทางเพียง 2 คน แต่รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารสำหรับการโดยสารที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
- (3) การใช้สิทธิขั้นต่ำ คือ 2 ผู้โดยสารต่อการจองหนึ่งครั้ง เช่น กรณีเดินทางคนเดียวโดยจองห้องพัก 1 ห้อง 1 คืน จะเสียสิทธิจำนวน 2 ผู้โดยสาร แต่รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารสำหรับ 1 คนเท่านั้น
- (4) ต้องเป็นเส้นทางการบินที่มีต้นทางหรือจุดหมายปลายทางอยู่ในจังหวัดที่เป็นสถานที่ตั้งของโรงแรม/ที่พัก หรือจังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดสถานที่ตั้งของโรงแรม/ที่พัก ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อจังหวัดใกล้เคียงได้ในเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
- (5) ในกรณีใช้สิทธิรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารสำหรับการบินเที่ยวขาไป วันที่ Check in ขึ้นเครื่องจะต้องห่างจากวันที่ Check in โรงแรมไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาจากวันที่ Check in ทั้งโรงแรมและสายการบินจริงเท่านั้น
- (6) ในกรณีที่ใช้สิทธิรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารสำหรับการบินเที่ยวขากลับ วันที่ Check in ขึ้นเครื่องจะต้องห่างจากวันที่ Check out โรงแรม/ที่พักไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาจากวันที่ Check in และ Check out จริงเท่านั้น โดยการบินเที่ยวขากลับต้องไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2565
- (7) ในกรณีที่จองบัตรโดยสารขาไป-กลับ (Round trip) แต่มีการโดยสารจริงเพียงเที่ยวเดียว (ไปหรือกลับ) จะขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินได้เพียงครึ่งหนึ่งของข้อ 2.4 เท่านั้น
- (8) เมื่อ Check out ออกจากโรงแรมแล้ว จะต้องกรอกข้อมูลและกดปุ่ม “ลงทะเบียนรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน” ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เพื่อขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ ชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ ที่ใช้ในการจองบัตรโดยสารเครื่องบินจะต้องถูกต้องตรงกับชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษบนบัตรประจำตัวประชาชน
- 2.6 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าบัตรโดยสารเครื่องบินรวมทั้งโครงการฯ ไม่เกิน 2 ล้านผู้โดยสาร
- 2.7 การพิจารณาผู้ได้รับสิทธิตามข้อ 2.4 จะพิจารณาเมื่อประชาชนผู้จองได้ดำเนินการตามข้อ 2.5 (8) ครบถ้วนและได้รับการตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้อง ตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 2.6 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาตามข้อ 2.5 (8) ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน ประชาชนผู้ขอรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน จะได้รับเงินสนับสนุนหลังจากโรงแรม/ที่พักส่งเอกสารหลักฐานและคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
- 3. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
- 3.1 การใช้จ่าย E-Voucher จะสามารถใช้จ่ายได้เฉพาะเพื่อชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านอาหาร ค่าผ่านประตู ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใด ของสถานที่ท่องเที่ยว และค่าบริการของผู้ประกอบการบริการฯ เท่านั้น ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขการใช้งาน E-Voucher ตามข้อ 1.6
- 3.2 การชำระเงินโดยใช้ E-Voucher จะต้องชำระทั้งจำนวนตามที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินในคราวเดียว เช่น กรณีใบเสร็จรับเงินระบุจำนวนค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งหมด 1,000 บาท สามารถใช้ E-Voucher ชำระได้จำนวน 400 บาท และจะต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” อีก 600 บาท
- 3.3 เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ จองโรงแรม/ที่พักและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว หากเกิดปัญหาอย่างใด ๆ ขึ้นที่ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าพัก เข้ารับบริการ หรือการใช้สิทธิตามโครงการฯ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เรียกคืนความเสียหายจากโรงแรม/ที่พัก
- 3.4 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องปฏิบัติตามสาระสำคัญของโครงการฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ
- 3.5 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความปั่นป่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
- 3.6 ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน ประชาชนผู้ขอรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน จะได้รับเงินสนับสนุนหลังจากโรงแรม/ที่พักส่งเอกสารหลักฐานและคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
- 3.7 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตนเองในการลงทะเบียน การยืนยันตัวตนเข้าพัก หรือกรณีอื่นใด ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
- 3.8 หากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าวจะต้องจ่ายเงินคืนให้แก่รัฐภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งถึงการกระทำดังกล่าว โดยจ่ายเงินคืนผ่านช่องทางที่รัฐกำหนด
- 3.9 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่กระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ได้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนภาครัฐ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
- 3.10 ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนโดยสแกนใบหน้าและต้องตรงกับฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยฯ ในการเข้าร่วมโครงการซึ่งเป็นไปเงื่อนไขตามที่ ททท. กำหนด
- 4. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
- 4.1 กิจการ โรงแรม/ที่พัก
- (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่เช็คเอาท์
ทั้งนี้โรงแรมมีหน้าที่จัดเก็บหลักฐานการเข้าพักของประชาชนผู้ใช้สิทธิไว้เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปีนับจากวันที่เช็คเอาท์
โดยหลักฐานดังกล่าวประกอบด้วย- 1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน
- 2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
- 3. Folio (ถ้ามี)
- (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ให้ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก มีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักว่าเป็นบุคคลเดียวกับผู้ที่ทำการจองใช้สิทธิ และกดยืนยันการเช็คอินในระบบตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก และผู้ประกอบการต้องจัดส่งหลักฐานดังต่อไปนี้ ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
- 1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน
- 2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
- 3. Folio (ถ้ามี)
- 4. ภาพถ่ายผู้ใช้สิทธิในวันที่ Check in และ Check Out
- (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง ผู้ประกอบการประเภทกิจการ โรงแรม/ที่พัก จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่เช็คเอาท์
- 4.2 กิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า
- (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายตามปกติ ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า จะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่รับชำระ E-Voucher จากประชาชนผู้ใช้สิทธิ
- (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายผิดปกติ ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า จะต้องจัดส่งใบเสร็จรับเงิน/หลักฐานการได้รับเงิน/รายการสินค้าหรือบริการ หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปที่อีเมล payttogether@gmail.com เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % และจัดเก็บหลักฐานดังกล่าวไว้ เพื่อการตรวจสอบไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากวันที่รับเงิน อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน
- 4.3 ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน
- (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และได้ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง
ประชาชนผู้ใช้สิทธิ จะได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเข้า G-Wallet ของประชาชนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในอัตรา 40% ของมูลค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อ 1 ผู้โดยสาร เมื่อมีการท่องเที่ยวและเข้าพักในที่พักตามโครงการเราเที่ยวด้วยกันในจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินในทุก 15 วัน - (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และได้ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรมเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน ประชาชนผู้ขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จะได้รับเงินสนับสนุนในอัตรา 40% ของมูลค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จำนวนไม่เกิน 2,000 บาท หรือไม่เกิน 3,000 บาท แล้วแต่กรณี ภายหลังจากโรงแรมส่งเอกสารหลักฐานและคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงินแล้ว
- (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน และได้ดำเนินการ Check – In ยืนยันการจองด้วยระบบสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง
- 4.1 กิจการ โรงแรม/ที่พัก