อาการของคนที่ติดโรค COVID-19 COVID-19 จะมีไข้และมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ หรือ อ.เจษฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเพจ เผยถึงสามารถดูอาการเหล่านี้ เป็นแนวทางในการตรวจสอบได้ ตามรายงานของคณะผู้ตรวจสอบขององค์การอนามัยโลก ที่ลงไปสำรวจในพื้นที่ระบาดของโรคในประเทศจีน ดูจากคนไข้ที่ยืนยันว่าติดเชื้อแล้วจำนวน 55924 ราย พบว่า

- เป็นไข้ (87.9%)
- ไอแห้ง (67.7%)
- อ่อนเพลีย (38.1%)
- มีเสมหะ (33.4%)
- หายใจถี่ (18.6%)
- เจ็บคอ (13.9%)
- ปวดหัว (13.6%)
- ปวดกล้ามเนื้อ หรือ ปวดข้อ (14.8%)
- หนาวสั่น (11.4%)
- คลื่นไส้ หรือ อาเจียน (5.0%)
- คัดจมูก (4.8%)
- ท้องเสีย (3.7%)
- ไอเป็นเลือด (0.9%)
- เยื่อบุตาอักเสบ (0.8%).


ดังนั้น จะเห็นว่าอาการส่วนใหญ่ของคนที่ติดโรค COVID-19 นั้น จะมีไข้และมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ซึ่งรายงานระบุว่า โดยเฉลี่ยจะเกิดขึ้น 5-6 วันหลังติดเชื้อ ซึ่งระยะการฟักตัวของเชื้อนั้นอยู่ที่ 1-14 วัน
วิธีป้องกันเบื้องต้น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โควิค 19 (COVID-19) และอาการเบื้องต้นที่ควรรีบพบแพทย์
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ยังคงอยู่ในการควบคุมอย่างเข้มงวด หลังจากมีการรายงานจากจีนว่าเกิดการระบาดที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน
- สรุปสถานการณ์ไวรัส Covid19
- เหตุการณ์ไวรัส COVID-19 สายการบินยกเว้นค่าธรรมเนียม เลื่อนตั๋ว
- Covid 19 น่ากลัวจนต้องหลีกเลี่ยงเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไทยเข้า “เฟส 3”



วิธีการป้องกัน COVID-19 แบบสั้นๆ
- สวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่ออกจากบ้านไปยังพื้นที่สาธารณะมีผู้คนมาก
- หลีกเลี่ยงในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ
- ไม่นำมือไปสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น
- รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
วิธีการป้องกัน COVID-19 แบบยาวๆ
- หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัด ที่ๆมีคนเยอะๆ หรือที่ๆอากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวก เช่น ผับ โรงหนัง สนามบิน โรงพยาบาล ถ้าหากไม่มีความจำเป็นต้องไปในสถานที่เหล่านี้ ขอให้หลีกเลี่ยง
- ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัย (ควรเป็นชนิด N95) และหลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้บุคคลที่มีอาการ ไอ จาม เป็นต้น
- ล้างมือบ่อยๆ : ไวรัสอู่ฮั่น แพร่กระจายผ่านทาง Droplets ต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอจาม ซึ่งละอองเหล่านี้ มักจะติดอยู่กับที่ๆมีการสัมผัสโดยคนหมู่มากบ่อยๆ โดยจุดที่เสี่ยง เช่น ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันไดเลื่อน ห้องน้ำสาธารณะ เป็นต้น ในบางครั้ง เราอาจไปสัมผัสกับสิ่งของเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว และอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ การล้างมือบ่อยๆ ล้างทุกครั้งก่อนกินอาหาร รวมไปถึงไม่เอามือเข้าปาก ขยี้ตา หรือแคะจมูก จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อลงได้มากครับ
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปในตลาดค้าสัตว์ที่มีชีวิต หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่ป่วย หรือตาย เพราะในขณะนี้ เราได้สันนิฐานกันว่า เชื้อไวรัสอู่ฮั่น เริ่มต้นมาจากการแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนในทีแรก และเมื่อเชื้อเข้ามาในคน จึงมีการกลายพันธุ์ จนสามารถแพร่จากคนสู่คนได้นั่นเอง
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ช้อนกินข้าว เป็นต้น
. - รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากท่านพึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดภายใน 14 วัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศ/จังหวัดที่มีรายงานการระบาดหรือไม่ก็ตาม และเริ่มมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ให้รีบสวมหน้ากากอนามัยให้ตนเอง และไปโรงพยาบาลโดยด่วน (สามารถเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินได้เลย) พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง และเล่าอาการให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฟังโดยละเอียด
- สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ครับ หากมีข้อสงสัยอะไร อย่าลังเลที่จะโทรไปถามครับ
- จงตื่นตัว แต่อย่าตื่นตูม การ take precaution เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่การตกใจ ตื่นตูมจนเกินกว่าเหตุ เป็นเรื่องที่ไม่ดี ขอให้จำไว้ว่า “สิ่งที่แพร่ระบาดได้เร็วกว่าเชื้อไวรัส คือความกลัว และความกลัว สร้างความเสียหายได้มากกว่าโรคระบาด”
Cr. Kaiyala Sokonth
ความแตกต่างของอาการไข้หวัดทั่วไปกับCOVID-19

สำหรับผู้ที่เข้าเกณฑ์สามารถตรวจหาเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ฟรี สามารถตรวจได้ที่ โรงพยาบาบรัฐฯ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ , โรงพยาบาลราชวิถี , โรงพยาบาลศิริราช , โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยกำหนดเกณฑ์ 2 กรณี ได้แก่
- มีประวัติการเดินทางไปกลับ 9 ประเทศสุ่มเสี่ยง ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน สหรัฐ
- มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น เหนื่อย หอบ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ รวมถึงมีไข้ 37.5 องศา รวมถึงบุคลที่อยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยง เช่น ลูกเรือสายการบิน คนขับรถบริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเคยบริการกลุ่มประเทศที่เสี่ยงและบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลเคสผู้ป่วย
สรุปไวรัสโคโรน่า แบบเข้าใจง่ายๆ & สาเหตุและวิธีป้องกัน!
- ไวรัสโคโรน่าเกิดจากค้างคาว ซึ่งเป็น #สัตว์ที่มีภูมิคุ้มกันสูงสุดในโลก ค้างคาวไม่เคยเจ็บป่วย แต่มันเพาะเชื้อโรคได้
- คนกินค้างคาวได้ถ้าปรุงสุก ไม่มีปัญหา แต่ถ้าค้างคาวกินผลไม้แล้วเราเอามากิน เสี่ยง!!
- ไวรัสโคโรน่ามาจากคำว่า #คราว ที่แปลว่า มงกุฏ เพราะตัวมันแหลมๆ สามารถเกาะติดกับปอดได้ดีกว่าไวรัสอื่น
- ไวรัสโคโรน่านี้ไม่รุนแรง เป็นแล้วหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา แต่ต้องรักษาตามอาการ เช่น ตัวร้อน ไข้ ไอ หายใจไม่สะดวก ฯลฯ
- คนที่เคยเป็นแล้ว จะมีภูมิคุ้มกัน จะไม่เป็นอีก ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตคือคนแก่ เนื่องจากร่างการสร้างภูมิคุ้มกันไม่ทัน อาการแทรกซ้อนอื่นๆ
- ไวรัสโคโรน่าอยู่ในอากาศได้ 1 ชั่วโมงก็ตาย ทำให้การติดไปกับสิ่งของ พัสดุ เป็นไปไม่ได้เลย
- ไวรัสโคโรน่าตายด้วยแอลกอฮอล 70% ขึ้นไป เจลล้างมือช่วยได้ ส่วนเหล้าขาว 60% ก็พอช่วยได้ แต่เมามาก
- ไวรัสโคโรน่่าตายในอุณหภูมิ 57องศา ขึ้นไป เจอแดดก็คือจบแล้ว ปรุงอาหารเกือบสุกก็ตายแล้ว
- ไวรัสโคโรน่าอยู่ในอากาศไม่ได้ ต้องอยู่กับเมือกเท่านั้น ซึ่งคือการไอ จาม (แบบมีน้ำลายติด) หรือเมือกน้ำลาย ถ้าไม่โดนจังๆ ไม่มีทางติด
- ติดทางตาไม่ได้ #ยกเว้นกรณีร้ายแรงสุดคือ ถ่มน้ำลายใส่ตา ใครทำคือสุดมาก
ความน่ากลัวคือ ระยะฟักตัว 14-27 วัน ซึ่งไม่แสดงอาการอะไรเลย เพราะไวรัสโตช้า ตายง่าย แต่ใน 14-27 วันนี้สามารถติดคนอื่นได้ ซึ่งมีกรณีเดียวคือการถ่มน้ำลายใส่ เพราะช่วง 14-27 วันนี้จะยังไม่มีการไอ หรือจามออกมา
- ความรุนแรง อัตราการเสียชีวิต ถือว่าเบากว่า SARS MERS มาก แต่ด้วย 14 วันไม่แสดงอาการ ทำให้ระบาดง่ายกว่า คือถ้าเห็นว่าป่วยไปเลยยังหลีกหนีได้ แต่ถ้าไม่เห็นอาการเราไม่รู้เลยว่าใครติดไวรัส
- อาการเป็นแล้วล้มลงเลย ตายทรมาน ฯลฯ มาจากข่าวปลอมทั้งนั้น ส่วนใหญ่มาจากหนังเรื่อง Flu ปี2014 ซึ่งมีการแค็ปภาพออกมาใช้เยอะที่สุด
Credit :ข้อมูลของ
นายแพทย์ พิเชฐ บัญญัติ
รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
วิธีสังเกตอาการ
หากได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการออกมาภายใน 1 วัน ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการมี ไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจหอบเหนื่อย ถ่ายเหลวท้องเสีย หากผู้ป่วยมีร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ จะทำให้มีความรุนแรงถึงขั้นวิกฤตและเสียชีวิตได้
วิธีป้องกัน
เบื้องต้นทุกคนสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจาก COVID-19 ได้ดังนี้
– เลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
– เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นที่เป็นรังโรค และเมืองอื่น ๆ ในประเทศจีนที่มีการระบาด
– ระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่
– ควรล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที
– งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
– เลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน
– ทานอาหารสุก สะอาด ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก
– สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยตรง ควรใส่หน้ากาก
อนามัย หรือใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันเชื้อในละอองฝอยจากเสมหะหรือสารคัดหลั่งเข้าตา
ป้องกันตัวเองกัน ขึ้นเครื่องบินอย่างไร จึงจะไม่ติด covid-19
เนื่องจากสนามบินและเครื่องบินถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เสี่ยงในการติดเชื้อ เราจะป้องกันตัวเองอย่างไรดี
แม้ว่าจะมีคนบอกว่าเครื่องบินรุ่นใหม่ ไม่อับอากาศเพราะเขาใช้วิธีกรองอากาศเทคโนโลยีแบบเดียวกับห้องผ่าต้ดก็ตาม หรือบอกว่าเขาพ่นยาฆ่าเชื้อและเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งก่อนที่ผู้โดยสารจะขึ้นเครื่องก็ตาม
เราควรมีมาตรการส่วนตัวเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อลงอีก ดังนี้
- พกเจลล้างมือแบบพกพาไปด้วยแล้วล้างมือบ่อย ๆ
เพราะเชื้อไวรัสกลุ่มนี้ มันเกาะติดไปกับน้ำมูก เสมหะ น้ำลาย แล้วคนที่เป็นโรคนี้อาจจะเผลอเอาไปป้ายตามพนัก ทึ่เปิดช่องเก็บของ โต๊ะวางถาดอาหาร ประตูห้องน้ำฯลฯ
ไวรัสสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น 2-9 ชั่วโมง และถูกกำจัดได้ด้วยแอลกอฮอล์
ดังนั้นหากจับหรือสัมผัสกับสิ่งใดที่สนามบินหรือบนเครื่องบิน ให้ล้างมือทันที และล้างมือให้บ่อยเข้าไว้
..เก็บของเหนือศีรษะเสร็จ นั่งลงเรียบร้อย ให้ล้างมือ
..เปิดที่วางถาดอาหารแล้วให้ล้างมือ
..เข้าห้องน้ำ กลับมาถึงที่นั่งให้ล้างมือ ฯลฯ - อย่าเอามือสัมผัสใบหน้าเด็ดขาด โดยเฉพาะเนื้อเยื่ออ่อนที่ปาก จมูกและตา เนื่องจากไวรัสเข้าร่างกายผ่านทางเยื่ออ่อนเหล่านี้ได้
สำหรับเด็กต้องสอน และกำชับเรื่องเอามือเข้าปากให้บ่อยเข้าไว้ - ใส่ผ้าปิดปากอนามัยทุกครั้งที่ขึ้นเครื่อง โดยให้ครอบจมูก บีบลวดให้ตัวผ้าแนบสันจมูกให้มิด แล้วดึงหน้ากากอนามัยให้ปิดลงมาถึงคาง
แม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะบอกว่าถ้าไม่ป่วยไม่จำเป็นต้องปิดปากก็ตาม
บนเครื่องที่นั่งแออัด การใส่ผ้าปิดปากจะได้ป้องกันการไอจามรดกัน
อีกอย่าง การที่มีผ้าปิดหน้า เป็นการเตือนตนเองว่าอย่าเอามือไปสัมผัสใบหน้า
เวลาถอดผ้าปิดปาก ให้พับเอาด้านสีเขียวเข้าข้างใน พยายามอย่าเอามือไปสัมผัสด้านสีเขียวอีก เอาสายรัดไว้แล้วโยนทิ้ง
ให้ใช้หน้ากากกระดาษเพียงครั้งเดียว ไม่ใช้ซ้ำ
ถ้าหน้ากากเป็นผ้า ถึงบ้านให้ถอดซักทันที - ถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องกินอาหาร ชา กาแฟ และน้ำบนเครื่อง จะได้ไม่ต้องถอดหน้ากากออก และลดรายการสัมผัสลง
- เมื่อกลับถึงบ้าน ถือเป็นความจำเป็น ต้องล้างมือซ้ำด้วยน้ำกับสบู่ทุกครั้ง
- หาทางเพิ่มภูมิต้านทานให้ตัวเองโดยกินวิตามินซีชีวภาพ 1-2 กรัมในวันเดินทาง วิธีนี้จะช่วยประกันการป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีกทางหนึ่ง
” ข้อมูลของ covid19 ที่น่าสนใจ “
ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้
Wuhan woman with no symptoms infects five relatives with coronavirus – study – Reuters

พบผู้ป่วย Covid-19 กลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้งในญี่ปุ่น
27/02/2020 ก่อนหน้านี้มีข่าวไกด์หญิงคนหนึ่งที่ติดเชื้อ Covid-19 ในญี่ปุ่นเข้ารับการรักษาตัวกับทางโรงพยาบาลในเมืองโอซกา จนผลตรวจออกมาเป็นลบ และถูกปล่อยตัวให้กลับบ้าน แต่ข่าวล่าสุดรายงานว่าหลังจากที่เธอกลับมารับการตรวจซ้ำ ตอนนี้เชื้อในร่างกายของเธอมีผลตรวจเป็นบวกอีกแล้ว
เมื่อวันที่ 29 มกราคม เธอได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ Covid-19 หลังจากนั้นเธอก็เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่โอซากาจนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ อาการของเธอก็ดีขึ้นจนทางโรงพยาบาลปล่อยตัวกลับบ้าน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เธอกลับไปตรวจร่างกายซ้ำเพื่อความแน่ใจพบว่าผลตรวจเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ)
หลังจากนั้นเธอก็กลับมาพักที่บ้าน แต่! หลังจากนั้นเธอก็มีอาการเจ็บคอ และเจ็บหน้าอก เธอจึงตัดสินใจกลับไปเข้ารับการตรวจอีกครั้งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผลปรากฏว่าเป็นบวก พบเชื้อในร่างกายของเธออีกครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่ตลอดระยะเวลาที่เธอถูกปล่อยตัวกลับมาพักที่บ้านเธอสวมหน้ากาก และหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนอยู่ตลอด
รัฐบาลประจำจังหวัด Osaka ระบุว่ามีความเป็นไปได้ 2 อย่างที่อาจเกิดขึ้นกับหญิงคนนี้
กรณีแรก คือ เธออาจได้รับเช้อซ้ำอีกครั้งในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน แต่กรณีนี้อาจารย์แพทย์ของมหาวิทยาลัยโอซากากลับมองว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะปกติร่างกายเราจะสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำอยู่แล้ว นอกจากว่าร่างกายของเธอยังไม่แข็งแรงพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์
กรณีที่สอง คือ เชื้อนี้อาจมีการหลบอยู่ในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อรอเวลาที่ร่างกายอ่อนแอและแสดงอาการขึ้นมาอีกครั้ง
ข่าวนี้ทำให้เราเห็นว่าความจริงแล้วยังไม่มียาหรือวิธีการใดที่สามารถรักษาเชื้อ Covid-19 ให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้นช่วยกันระวังการแพร่เชื้อ และคอบเฝ้าสังเกตุอาการของตัวเองกันด้วยนะคะ เพื่อตัวเราและส่วนรวม
จีนพบผู้ป่วยกลับมามีเชื้อ covid19 อีกครั้ง หลังหายป่วยแล้ว
21/02/63 เจ้าเจียนผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจชาวจีนและหัวหน้าทีมแพทย์ที่ทำงานในพื้นที่มณฑลหูเป่ยของจีนเตือนว่า ผู้ป่วยบางรายที่หายจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสแล้วยังมีโอกาสแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้
“มันอันตรายมาก เราจะนำคนไข้กลุ่มนี้ไปไว้ที่ไหน เราไม่สามารถส่งพวกเขากลับบ้าน เพราะอาจนำเชื้อไปแพร่ให้คนในบ้าน แต่ก็ไม่สามารถให้อยู่โรงพยาบาลต่อได้ เนื่องจากพื้นที่ไม่เพียงพอ” เจ้าให้สัมภาษณ์กับ Southern People Weekly
นอกจากนี้ เจ้ายังให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Beijing News ด้วยว่า หนึ่งในผู้ป่วยของเขาได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน หลังจากผลตรวจให้ห้องแล็บ 2 ครั้งยืนยันว่าไม่พบเชื้อโคโรนาไวรัสแล้ว ทว่าไม่กี่วันต่อมาผู้ป่วยรายนี้กลับเป็นไข้และตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัสอีกครั้ง