ระบบ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” เปิดลงทะเบียนพรุ่งนี้ 27 มี.ค. 66 (สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียน)

วิธีลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ซึ่งเป็นของเฟสก่อนหน้านี้ นำมาให้ศึกษานะ สำคัญที่สุด บัตรประชาชน และ เบอร์โทรศัพท์ (โทรศัพท์อยู่ที่ตัวนะขณะลงทะเบียน)

คลิก https://people.xn--12c1bik6bbd8ab6hd1b5jc6jta.com/

1. คลิกเลือก ลงทะเบียนประชาชน > คลิก “ลงทะเบียนรับสิทธิ์ท่องเที่ยว”

2. จะมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ให้ คลิก “เครื่องหมายถูก” ในช่องสี่เหลี่ยม และกด “ยืนยัน”

3. จากนั้นจะเข้าหน้า แบบฟอร์มในการลงทะเบียนโครกงาร ให้กรอกข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะเลขบัตรตัวที่ 3 ด้านหลัง (ผิดกันเยอะ หลักที่ 3 หลังบัตร) o คือเลข 0

4. กด “ยืนยัน” ข้อมูล / ระบบจะให้เรากด “ยืนยัน” สรุปข้อมูลอีกครั้ง

4. รอยืนยัน OTP 6 หลัง ที่ต้องมาที่โทรศัพท์ที่ลงทะเบียน หาก OTP ไม่มา ต้องรอจนครบเวลา xxx วินาที และคลิกยืนยันของ otp ใหม่อีกครั้ง

5. เมื่อได้รับ otp ทางโทรศัพท์เลขหมายที่ลงทะเบียน (อันนี้ทำ 2 ครั้ง แต่ดู อ้างอิง: xxxx ให้ตรงกันด้วย)

6. กรอกรหัส otp 6 หลัก ลงไป ดูรหัสอ้างอิงด้วยว่าตรงกัน กรณีขอหลายครั้ง OTP มาช้า

7. ยืนยัน otp แล้ว หากลงทะเบียนสำเร็จจะได้รับข้อมูลลงทะเบียนแล้ว โปรดรอ sms เพื่อ

8. ลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว รอรับ sms ยืนยันภายใน 3 วัน

ช่วงเย็นวันนี้ ระบบได้ส่ง sms แจ้งผลลงทะเบียนแล้ว

9. ดาวน์โหลด ติดตั้ง และยืนยันตัวตนบนแอปฯ “เป๋าตัง” (สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมี G-Wallet) เพื่อเตรียมใช้จ่ายสำหรับโครงการ


สรุปสั้นๆ วิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการ สำหรับประชาชน

1.ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

2.ได้รับ sms แจ้งผลการลงทะเบียนสำเร็จ

3. ดาวน์โหลด + ติดตั้ง และยืนยันตัวตนบน App เป๋าตัง ซึ่งเป็น App หลักในการใช้จ่าย

4.จองห้องพักกับโรงแรม พร้อมชำระเงินส่วนประชาชน (ร้อยละ 60) ผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมหรือโทรสำรองห้องพักกับเจ้าหน้าที่โรงแรม หรือ Online Travel Agency (OTA) ที่เข้าร่วมโครงการ

5.ได้รับ voucher สำหรับ check-in โรงแรม

*6.จองตั๋วเครื่องบินตามช่องทางปกติ และชำระเงินเต็มจำนวน (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน)

7.Check-in เข้าพักตามวันที่กำหนด (ในระหว่างการเข้าพักจะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวเป็นรายวันสำหรับใช้จ่ายในร้านอาหาร/สถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ)

8.Check-out

*9.เข้าเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เพื่อกรอกข้อมูลสำหรับใช้สิทธิค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน)

*10.ได้รับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินตามเงื่อนไข (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน ลงทะเบียนใช้สิทธิ และปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ)

* กรณีเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งจะลงทะเบียนรับสิทธิได้ เมื่อ check-out แล้ว เท่านั้น


หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

  1. 1. สาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (โครงการฯ)
    1. 1.1 ช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ คือ ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง 30 เมษายน 2566 โดยใช้สิทธิจองโรงแรม/ ที่พักตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2566 เริ่มเข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2566 และเดินทางเข้าพักวันสุดท้ายในวันที่ 29 เมษายน 2566 และเช็คเอ้าท์ ในวันที่ 30 เมษายน 2566
    2. 1.2 คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม/ที่พัก ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5
      1. (1) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่เป็นผู้ประกอบการรายเดิมและได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯ ในเฟส 3 เฟส 4 และเฟส 4 ส่วนขยายมาแล้ว และเปิดให้บริการตามปกติไปจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ โดยจะต้องให้ความยินยอม (Consent) ผ่านแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” อีกครั้ง จึงจะดำเนินการในโครงการฯ เฟส 5 ได้ หรือ
      2. (2) เป็นโรงแรม/ที่พัก ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ และได้แจ้งความประสงค์ผ่าน TAT – E FORM ในเว็บไซด์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 8 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 และได้รับการยืนยันจาก ททท. ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน โดยต้องมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
        1. (2.1) ได้รับอนุญาตหรือดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20)
        2. (2.2) ได้รับอนุญาตแต่ใบอนุญาตหมดอายุ และได้ยื่นต่ออายุต่อเนื่องจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ และมีใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20)
        3. (2.3) โรงแรม/ที่พัก นอกเหนือจากข้อ (2.1) ถึง (2.2) ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
      3. (3) โรงแรมมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
      4. (4) ปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใดๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไว้รัสโคโรนา 2019
      5. (5) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือถูกดำเนินคดีในโครงการเราเที่ยวด้วยกันหรือโครงการอื่นๆ ของรัฐ
    3. 1.3 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
      1. (1) มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
      2. (2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
      3. (3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย
      4. (4) ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com หรือได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ มาแล้ว
      5. (5) มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งนี้ ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (Dip Chip) ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไป ในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ เว้นแต่ ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐมาก่อน และได้ดำเนินการยืนยันตัวตน (Dip Chip) ของธนาคารกรุงไทยแล้ว เพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าว
      6. (6) ให้ความยินยอมแก่โรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
      7. (7) ให้ความยินยอมแก่โรงแรม/ที่พัก ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและสำเนาบัตรประชาชน รวมทั้ง เก็บบันทึกภาพถ่ายใบหน้าของตนในขณะทำการเช็คอินและเช็คเอ้าท์ กรณีสแกนใบหน้าเพื่อทำการเช็คอินไม่สำเร็จ เพื่อให้โรงแรม/ ที่พัก นำส่งเป็นหลักฐานให้แก่ ททท.ประกอบการเบิกจ่ายเงิน 40 %
      8. (8) ต้องไม่ใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและไม่ใช้ E-Voucher ในพื้นที่จังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน
    4. 1.4 ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5
      1. (1) ผู้ประกอบการรายเดิม ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยว ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product : OTOP) (ผู้ประกอบการ OTOP) ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งรถเช่าหรือเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว (ผู้ประกอบการบริการฯ) ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com และได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯ ในเฟส 3 เฟส 4 และเฟส 4 ส่วนขยายมาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติไปจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ โดยจะต้องให้ความยินยอม (Consent) ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” อีกครั้ง จึงจะดำเนินการในโครงการฯ เฟส 5 ได้
      2. (2) ผู้ประกอบการรายใหม่ ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ และได้แจ้งความประสงค์ผ่าน TAT – E FORM ในเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 8 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 และได้รับการยืนยันจาก ททท. ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน โดยมีต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
        1. 2.1 ผู้ประกอบการร้านอาหาร
          1. 2.1.1 ใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) (ถ้ามี)
          2. 2.1.2 ใบจดทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า / DBD)
        2. 2.2 ผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยว
          1. 2.2.1 ใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ 20) (ถ้ามี)
          2. 2.2.2 ใบจดทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจกาค้า / DBD)
        3. 2.3 ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tambon One Product:OTOP) (ผู้ประกอบการ OTOP)
          1. ใบอนุญาตประกอบและประเภทกิจการที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย (รหัสผู้ประกอบการ)
        4. 2.4 ผู้ประกอบการธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ
          1. 2.4.1 ใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ 20) (ถ้ามี)
          2. 2.4.2 ใบจดทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจกาค้า/DBD)
          3. 2.4.3 ใบอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการสถานประกอบกิจการเพื่อสุขภาพ ซึ่งออกโดยกระทรวง สาธารณสุข
        5. 2.5 ผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว (ผู้ประกอบการบริการฯ)
          รถเช่า
          1. 2.5.1 ใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 20) (ถ้ามี)
          2. 2.5.2 ใบจดทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า/DBD)
          3. 2.5.3 ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งออกโดยกรมการขนส่งทางบก

          เรือเช่า
          1. 2.5.4 ใบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 20) (ถ้ามี)
          2. 2.5.5 ใบจดทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า/DBD)
          3. 2.5.6 ใบอนุญาตใช้เรือ ซึ่งออกโดยกรมเจ้าท่า
      3. (3) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ต้องมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน”
      4. (4) ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ข้างต้น ต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐ
    5. 1.5 รัฐจะสนับสนุนเงินค่าที่พักในอัตราร้อยละ 40 ของราคาสุทธิ แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิ โดยรัฐจะจ่ายให้แก่โรงแรม/ที่พักโดยตรง หลังจากประชาชนผู้ได้รับสิทธิได้ Check out ออกจากโรงแรม/ที่พัก
      ราคาสุทธิ หมายถึง ราคารวมค่าที่พักและอาหารเช้า (ถ้ามี) รวมภาษีอื่นๆแล้ว เท่านั้น (ราคาสุทธิต่อห้องต่อคืน) โดยราคาห้องพักที่เสนอขายในโครงการฯ ต้องไม่เกินราคาปกติของพักแต่ละประเภท (Room Type) ที่ได้ขายก่อนเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องแจ้งราคาขายห้องพัก (Rate Plan) ของปี 2565 เพื่อประกอบการพิจารณา เว้นแต่เป็นโรงแรมที่เปิดใหม่ปี 2566 ให้แจ้งราคาขายห้องพักของปี 2566
    6. 1.6 รัฐจะสนับสนุน E-Voucher ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเมื่อ Check in เข้าพักโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ โดย E-Voucher มีเงื่อนไขการใช้งานดังนี้
      1. (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พักจะเป็นผู้ได้รับ E-Voucher
      2. (2) ใช้จ่ายได้เฉพาะในร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และสถานประกอบการของผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.4 ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน
      3. (3) การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ประชาชนผู้ได้รับสิทธิจะต้องทำธุรกรรมกับผู้ประกอบการตามข้อ 1.4 โดยสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (face-to-face) และ ห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้
      4. (4) E-Voucher จะปรากฏในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในเวลา 17.00 น. ของทุกวันตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก โดยมีมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน ตามรายละเอียดการจอง ทั้งนี้ มูลค่าของ E-Voucher สามารถสะสมได้จนกว่า จะสิ้นสุดระยะเวลาตาม (5)
      5. (5) สามารถใช้จ่ายได้จนถึงเวลา 23.59 น. ของวันที่ Check out
      6. (6) E-Voucher สามารถใช้จ่ายได้จำนวนร้อยละ 40 ของราคาสุทธิในใบเสร็จรับเงิน
      7. (7) ไม่สามารถใช้ช่องทางอื่นนอกจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในการใช้ชำระเงินร่วมกับ E-Voucher ได้
    7. 1.7 รัฐจะสนับสนุนเงินตามข้อ 1.5 และ 1.6 รวมตลอดระยะเวลาโครงการฯ ไม่เกิน 5 สิทธิต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัวประชาชน (คำนวณจากจำนวนคืนคูณด้วยจำนวนห้อง เช่น 2 คืน 2 ห้อง จะเท่ากับ 4 สิทธิ) และสำหรับเฟส 5 มีจำนวน 5.6 แสนสิทธิ ทั้งนี้ รัฐอาจพิจารณาเพิ่มเติมจำนวนสิทธิได้ในภายหลัง
      กรณีมีการจองใช้สิทธิตั้งแต่ 5 สิทธิขึ้นไป ถือว่าเข้าลักษณะท่องเที่ยวเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะประชาชนต้องยินยอมให้หลักฐานรายชื่อ ชื่อสกุล ข้อมูลพร้อมสำเนาบัตรประชาชนเอกสารของผู้เข้าพักทุกคนให้แก่โรงแรม/ ที่พักเก็บไว้โดยโรงแรมจะต้องจัดให้ประชาชนทุกคนที่เข้าพักดังกล่าว ให้ความยินยอมในการเก็บข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่เกี่ยวข้อง และให้โรงแรม/ที่พักนำส่งเอกสารและข้อมูลดังกล่าวต่อ ททท. เพื่อเป็นหลักฐานเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 % โดยมีรายละเอียดเป็นไปตามข้อ 3. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
    8. 1.8 รัฐจะพิจารณาผู้ได้รับสิทธิเข้าพักเมื่อประชาชนที่เป็นผู้จองโรงแรม/ที่พัก ได้ชำระเงินค่าที่พักสำเร็จตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิตามข้อ 1.7 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการฯ
    9. 1.9 ขั้นตอนการดำเนินโครงการฯ
      โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ
      1. (1) โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.2 และ 1.4 (รายเดิม) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 3 หรือเฟส 4 หรือเฟส 4 ส่วนขยายมาแล้ว และยังเปิดให้บริการตามปกติ จะต้องให้ความยินยอม (Consent) ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ระหว่างวันที่ 7 – 20 มีนาคม 2566 อีกครั้ง จึงมีสิทธิดำเนินการในโครงการฯ เฟส 5 ได้
      2. (2) โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการฯ ตามข้อ 1.2 และ 1.4 (รายใหม่) ที่ได้รับการยืนยันจาก ททท. ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน จากการลงทะเบียนผ่าน TAT – E FORM ในเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 8 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะต้องให้ความยินยอม (Consent) ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ระหว่างวันที่ 7 – 20 มีนาคม 2566 อีกครั้ง จึงมีสิทธิดำเนินการในโครงการฯ เฟส 5 ได้

      ประชาชน
      1. (1) ประชาชนรายเดิมที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 1 – 4 มาแล้ว ต้องให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก่อน จึงจะดำเนินการใช้สิทธิในโครงการฯ เฟส 5
      2. (2) ประชาชนรายใหม่ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เฟส 5 ให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน .com และให้ความยินยอม (Consent) และยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ก่อนดำเนินการใช้สิทธิ ผ่านช่องทางเว็บไซต์
      3. (3) ประชาชนตรวจสอบรายชื่อโรงแรม/ที่พักที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www. เราเที่ยวด้วยกัน.com ทั้งนี้ ไม่สามารถใช้สิทธิจองโรงแรม/ที่พักและใช้ E-Voucher ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้
      4. (4) ประชาชนจองที่พักโดยตรงกับโรงแรม/ที่พักตาม (3) เท่านั้น ตามขั้นตอนและวิธีการที่โรงแรม/ที่พักกำหนด ได้ตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ โดยทำการจองอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้าก่อนการเข้าพัก และให้ความยินยอม โรงแรม/ที่พัก ในการส่งข้อมูลการจอง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้ รัฐบาล และ ททท.
      5. (5) ให้ประชาชนตรวจสอบการแจ้งเตือนการจอง (Notification) ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดการจองในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และชำระเงินค่าที่พัก (ซึ่งเป็นจำนวน 60% หลังจากที่ได้หักเงินสนับสนุนจากรัฐ 40% แล้ว) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ได้รับแจ้งให้ชำระเงิน (Notification) หากไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว การจองจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ และ ชำระเงินแล้วจะไม่สามารถยกเลิกการจอง แต่ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพักได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
        1. 5.1 โรงแรม/ที่พักที่ประสงค์จะให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงวัน-เวลาเดินทางเข้าพัก ให้ดำเนินการดังนี้
          1. (1) ให้ลูกค้าติดต่อขอเลื่อนการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักโดยตรง
          2. (2) แก้ไขข้อมูลรายละเอียดการเข้าพักผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ทำรายการ
          3. (3) ให้ลูกค้าตรวจสอบรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงการเข้าพักในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และให้ลูกค้ากด “ยืนยันรายการเลื่อนเข้าพัก”
        2. 5.2.การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเข้าพักจะเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะวัน-เวลาเข้าพักเท่านั้น โดยรายละเอียดอื่น เช่น จำนวนวันเข้าพัก จำนวนห้องพัก หรือราคาห้องพัก จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
        3. 5.3 วัน-เวลาเข้า (Check in) และ ออกจากที่พัก (Check out) ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ใน ช่วงระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เท่านั้น ทั้งนี้จะต้องไม่เกินวันสิ้นสุดโครงการฯ
      6. (6) ประชาชนกดปุ่ม “เช็คอิน รับสิทธิคูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อทำการ Check in โรงแรม/ที่พักที่จองไว้
      7. (7) โรงแรม/ที่พักสแกน QR Code ที่เกิดจากกระบวนการตาม (6) เพื่อ Check in ซึ่งจะต้องเป็นไปในลักษณะปรากฏตัวต่อหน้าเท่านั้น (Face-to-Face) โดยห้ามสแกนจากภาพ QR Code ที่บันทึกไว้ จากนั้นตรวจสอบรายละเอียดการจองและดำเนินการสแกนใบหน้าประชาชนเพื่อยืนยันการจอง และกดยืนยันการ Check in ทั้งนี้ QR Code ดังกล่าว จะมีระยะเวลาใช้งาน 3 นาที โดยสามารถสร้างใหม่ได้
        1. (7.1) กรณียืนยันโดยสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ประชาชนยินยอมให้โรงแรม/ที่พัก กดยอมรับเงื่อนไขและดำเนินการต่อเพื่อยืนยันการใช้สิทธิของลูกค้าแทนการสแกนใบหน้าอีกครั้ง โดยโรงแรม/ที่พักต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักและยืนยันการตรวจสอบผ่านระบบแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ก่อนกดยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว รวมทั้งโรงแรม/ที่พักต้องดำเนินการและประชาชนต้องยินยอมให้โรงแรม/ที่พักเก็บบันทึกภาพถ่ายใบหน้าของผู้เข้าพักโดยต้องแสดงให้เห็นสถานที่ของโรงแรม/ที่พักในขณะทำการเช็คอินและเช็คเอ้าท์เพื่อใช้เป็นหลักฐานและนำส่งให้ ททท. ในการขอเบิกจ่ายเงิน 40 %
        2. (7.2) นำเทคโนโลยีการระบุตำแหน่ง (GPS) มาใช้เพื่อระบุตำแหน่งในการยืนยันตัวตนของประชาชนผู้ใช้สิทธิเพื่อดำเนินการ Check in ณ โรมแรม/ที่พัก ที่ทำการจองไว้
      8. (8) ประชาชนเข้าพัก และกดปุ่ม “ใช้คูปองท่องเที่ยว” ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่าย E-Voucher ตามเงื่อนไขการใช้งานข้อ 1.6
      9. (9) สามารถ Check in เพื่อใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ภายในเวลา 11.59 น. ของวันถัดจากวัน Check in ในวันแรกตามรายละเอียดการจอง หากไม่ Check in ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จะถือว่าสละสิทธิโดยประชาชนจะไม่ได้รับ E-Voucher สำหรับวันที่ไม่ได้ Check in นั้น และผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % สำหรับ วันแรกที่ Check in ไม่ทันภายในกำหนด ทั้งนี้ เงินที่ชำระแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ และถือว่าประชาชนได้ใช้จำนวนสิทธิของตนตามจำนวนสิทธิที่ได้ทำการจองในระบบแล้ว
      10. (10) รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามข้อ 1.5 หลังจาก Check out แล้ว โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่โรงแรม/ที่พักตามจำนวนสิทธิที่ประชาชนได้รับจริงจากการ Check in และ Check out เท่านั้น
      11. (11) ในกรณีที่มีการยืนยันใบหน้าไม่สำเร็จและโรงแรม/ที่พักเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่ม Check in แทน โรงแรม/ที่พักจะได้รับเงินสนับสนุน 40% เมื่อโรงแรม/ที่พักได้ส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเข้าพักจริงของประชาชนผู้ใช้สิทธิตามที่กำหนดในข้อ 3. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40% และคณะกรรมการตามคำสั่ง ททท. ได้พิจารณาเห็นชอบให้จ่ายเงิน
      12. (12) ในกรณีมีการจองและใช้สิทธิ 5 สิทธิ โรงแรม/ที่พัก มีหน้าที่เก็บเอกสาร หลักฐาน และนำส่งให้ ททท. ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 3. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40% ข้อ 3.1 (1) และ 3.1 (2)
  2. 2. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
    1. 2.1 การใช้จ่าย E-Voucher จะสามารถใช้จ่ายได้เฉพาะเพื่อชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านอาหาร ค่าผ่านประตู ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใด ของสถานที่ท่องเที่ยว และค่าบริการของผู้ประกอบการบริการฯ เท่านั้น ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขการใช้งาน E-Voucher ตามข้อ 1.6
    2. 2.2 การชำระเงินโดยใช้ E-Voucher จะต้องชำระทั้งจำนวนตามที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินในคราวเดียว เช่น กรณีใบเสร็จรับเงินระบุจำนวนค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งหมด 1,000 บาท สามารถใช้ E-Voucher ชำระได้จำนวน 400 บาท และจะต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” อีก 600 บาท
    3. 2.3 เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ จองโรงแรม/ที่พักและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว หากเกิดปัญหาอย่างใด ๆ ขึ้นที่ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าพัก เข้ารับบริการ หรือการใช้สิทธิตามโครงการฯ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เรียกคืนความเสียหาย จากโรงแรม/ที่พัก
    4. 2.4 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องปฏิบัติตามสาระสำคัญของโครงการฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ
    5. 2.5 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความปั่นป่วนที่เป็นอุปสรรคต่อ การดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
    6. 2.6 ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตนเองในการลงทะเบียน การยืนยันตัวตนเข้าพัก หรือกรณี อื่นใดที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม และจะต้องถูกตัดสิทธิหรือระงับการเข้าร่วมโครงการฯ
    7. 2.7 หากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าวจะต้องจ่ายเงินคืนให้แก่รัฐภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งถึงการกระทำดังกล่าว โดยจ่ายเงินคืนผ่านช่องทางที่รัฐกำหนด
    8. 2.8 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่กระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ได้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนภาครัฐ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
    9. 2.9 ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนโดยสแกนใบหน้าและต้องตรงกับฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยฯ ในการเข้าร่วมโครงการซึ่งเป็นไปเงื่อนไขตามที่ ททท. กำหนด
  3. 3. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
    ผู้ประกอบการจะต้องส่งเอกสารหลักฐานให้แก่ ททท. เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % ดังนี้
    1. (3.1) กิจการ โรงแรม/ที่พัก
      1. (1) กรณีประชาชนใช้สิทธิ 1 – 4 สิทธิ ผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก จะได้รับเงินสนับสนุน 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่เช็คเอ้าท์
      2. (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิดำเนินการ Check – In โดยสแกนใบหน้าสำเร็จถูกต้อง
        กรณี ใช้ 5 สิทธิ ใน 1 ครั้ง ให้จัดส่งเอกสารหลักฐาน ดังนี้
        1. 1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน หรือข้อมูลบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคนที่จัดเก็บในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
        2. 2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
          โดยนำส่งหลักฐานตาม 1 – 2 ไปที่ระบบติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ภายใน 7 วัน นับถัดจากวันเช็คเอ้าท์ เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาส่งหลักฐานให้แก่ ททท. ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 (วันสุดท้าย)
    2. (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิดำเนินการ Check – In ด้วยระบบสแกนใบหน้าไม่สำเร็จ และโรงแรมที่พักเป็นผู้กดยืนยันการ Check – In
      ให้ผู้ประกอบการ โรงแรม/ที่พัก มีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักว่าเป็นบุคคลเดียวกับ ผู้ที่ทำการจองใช้สิทธิ ก่อนกดยืนยันการเช็คอินในระบบตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก
      และผู้ประกอบการต้องจัดส่งเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
      1. 1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคน หรือข้อมูลบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิและผู้เข้าพักทุกคนที่จัดเก็บในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
      2. 2. ใบลงทะเบียนผู้เข้าพัก
      3. 3. ภาพถ่ายใบหน้าผู้ใช้สิทธิในขณะทำการ Check in และขณะทำการ Check Out และต้องแสดงให้เห็นสถานที่ของโรงแรม/ที่พักในขณะทำการ Check in และ Check Out ด้วย

      โดยนำส่งหลักฐานตาม 1-3 ไปที่ระบบติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ภายใน 7 วันนับถัดจากวันเช็คเอ้าท์ เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 % อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % กรณีสแกนใบหน้าไม่สำเร็จมีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาส่งหลักฐานให้แก่ ททท. ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 (วันสุดท้าย)
      ททท. ขอสงวนสิทธิ์ ที่จะเรียกเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากโรงแรม/ที่พัก และหรือประชาชน เพื่อยืนยันการเข้าพักของประชาชนประกอบการพิจารณาเบิกจ่ายเงินในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือไม่ชัดเจนเพียงพอต่อการพิจารณา
    3. (3.2) กิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า
      1. (1) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายตามปกติ
        ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ/ รถเช่า, เรือเช่าจะได้รับเงินสนับสนุน 40 % ภายในระยะเวลา 14 วันทำการ (T+14) นับแต่วันที่ รับชำระ E-Voucher จากประชาชนผู้ใช้สิทธิ
      2. (2) กรณีประชาชนผู้ใช้สิทธิ ชำระค่าบริการด้วย E – Voucher และมีการใช้จ่ายผิดปกติ
        ผู้ประกอบการประเภทกิจการ ร้านอาหาร / สถานที่ท่องเที่ยว / OTOP / สปา, นวดเพื่อสุขภาพ / รถเช่า,เรือเช่า จะต้องจัดส่งใบเสร็จรับเงิน/หลักฐานการได้รับเงิน /รายการสินค้าหรือบริการหรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปที่ระบบติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ภายใน 7 วันนับถัดจากวันที่ได้รับแจ้ง เพื่อประกอบการพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุน 40 %
        อนึ่ง ระยะเวลาในการพิจารณาจ่ายเงินสนับสนุน 40 % มีระยะเวลา 30 วันทำการ (T+30) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันที่ ททท. ได้รับหลักฐานดังกล่าวอย่างครบถ้วน
    4. ข้อความตกลงยินยอมของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
    * “ข้าพเจ้า” หมายถึง บุคคลผู้เข้าร่วมโครงการฯ *
    1. 4.1 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทยฯ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้ในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
    2. 4.2 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทยฯ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดเก็บ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (ข้อมูลศาสนา และข้อมูลชีวภาพ ซึ่งจัดเก็บจากระบบและแอปพลิเคชั่นเพื่อประโยชน์ของโครงการฯ) ของข้าพเจ้า และข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ ต่อหน่วยงานของรัฐ และผู้รับให้บริการที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อการประมวลผลและการตรวจสอบข้อมูล และ/หรือเพื่อการยืนยันตัวตนหรือเพื่อการตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อรับสิทธิตามโครงการฯ และ/หรือเพื่อการบริหารจัดการโครงการฯ
    3. 4.3 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทยฯ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จัดเก็บ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า และข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินมาตรการอื่นของรัฐหรือเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินในอนาคต
    4. 4.4 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร้องขอ สอบถาม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า และข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการฯ
    5. 4.5 ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้มีการประมวลผลและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณี ที่มีการยืนยันตัวตนผ่านระบบเสียบบัตรประชาชน
    6. 4.6 ความยินยอมของข้าพเจ้าในอันที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า และข้อมูลการชำระเงินตามโครงการฯ ตามข้อ 4. นี้ ให้มีผลไปตลอดช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ เว้นแต่ความยินยอมตามข้อ 4.3 ให้มีผลตลอดไป
    7. 4.7 ข้าพเจ้าตกลงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ และรับทราบว่าหากข้าพเจ้าไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ข้าพเจ้าจะต้องคืนเงินที่ได้รับตามโครงการฯ ให้แก่รัฐภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ททท.
    8. 4.8 ข้าพเจ้ารับทราบและยินยอมว่า ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าข้าพเจ้าไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขของโครงการฯ รัฐอาจพิจารณาระงับสิทธิตามโครงการฯ ของข้าพเจ้าเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และหากพบว่าข้าพเจ้ากระทำการดังกล่าวจริง ข้าพเจ้าจะต้องคืนเงินที่ได้รับไปแล้วให้แก่รัฐภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ททท. ทั้งนี้ ให้การตัดสินของรัฐถือเป็นที่สุด
    9. 4.9 ข้าพเจ้ารับทราบว่าการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
    10. 4.10 ข้าพเจ้ารับทราบว่าการกระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ได้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนภาครัฐ เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายที่มีโทษทางอาญา

ข้าพเจ้าได้อ่าน รับทราบ และตกลงยินยอมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ
ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้ในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ถูกต้องตามความเป็นจริงทุกประการ หากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการระงับการจ่ายเงินตามโครงการฯ หรือยินยอมคืนเงินที่ได้รับพร้อมดอกเบี้ย แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ไม่ระงับซึ่งสิทธิของรัฐในอันที่จะดำเนินการตามกฎหมาย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง