เคาะแล้ว! ปิดเทอม 2 ช่วง รวม 54 วัน

เคาะแล้ว! ปิดเทอม 2 ช่วง รวม 54 วัน

 ความคืบหน้าแนวทางการเปิด – ปิดภาคเรียน ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ภายหลังการประกาศเลื่อนวันเปิดเทอมภาคเรียนที่ 1/2563 ของโรงเรียนต่าง ๆ เป็นวันที่ 1 ก.ค. 63 โดยก่อนหน้านี้ มติของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่แจ้งออกมาว่าจะไม่มีการปิดเทอมภาคเรียนที่ 1 แต่จะมีการปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 64 จนถึงวันที่ 15 พ.ค. 64 เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอน และสามารถเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2564 ได้ตามปกติ

ล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการเห็นชอบเพิ่มเวลาพัก ให้นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาได้มีเวลาพักเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนการสอน โดยแบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 2 เทอม แต่ละเทอมมีเวลาพักในเทอมที่ 1/2563 จำนวน 17 วัน และในภาคเรียนที่ 2/2563 จำนวน 37 วัน รวมทั้งสิ้น 54 วัน
.

? สำหรับปฏิทินการเปิด – ปิดเทอม แบ่งเป็น ดังนี้

? ภาคเรียนที่ 1

? เปิดเรียน 1 ก.ค. – 13 พ.ย. 63

ปิดเทอม 14 – 30 พ.ย. 63 (รวม 17 วัน)

? ภาคเรียนที่ 2

? เปิดเรียน 1 ธ.ค. 63 – 9 เม.ย. 64

ปิดเทอม 10 เม.ย. – 16 พ.ค. 64 (รวม 37 วัน)

โดยแบ่งแนวทางจัดการเรียนการสอน ดังนี้

แนวทางจัดการเรียนการสอน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

ได้มีการกำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอนระบบทางไกล โดยแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ

      ระยะที่ 1 การเตรียมความพร้อม (7 เมษายน – 17 พฤษภาคม 2563) สำรวจความพร้อมในด้านอุปกรณ์การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ของนักเรียน ผู้ปกครอง ครู และระบบการบริหารจัดการการเรียนการสอน รวมถึงขออนุมัติใช้ช่องรายการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พร้อมขออนุมัติเผยแพร่การเรียนการสอนจากห้องเรียนต้นทาง ในระดับปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ของสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) จากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำสื่อวีดิทัศน์การสอน โดยครูต้นแบบ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และรวบรวมสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ใน OBEC Content Center ชุดโปรแกรมและแพลตฟอร์มการเรียนรู้ครบวงจรของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น Tutor ติวฟรี.com, e-Book เป็นต้น รวมถึงเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการให้บริการ แพลตฟอร์มการเรียนรู้ให้เชื่อมโยงกับระบบ Digital e-Learning ของกระทรวงศึกษาธิการ

        ระยะที่ 2 การทดลองจัดการเรียนการสอนทางไกล (18 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2563) จะทดลองจัดการเรียนการสอนทางไกล ในระดับปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผ่านช่องรายการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล โดยการเผยแพร่สัญญาณจากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (DLTV) ในระดับปฐมวัยเน้นกิจกรรมเตรียมความพร้อมเด็ก และระดับประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผ่านช่องรายการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลและระบบออนไลน์โดยครูต้นแบบ ด้วยเครื่องมือการเรียนรู้ตามความเหมาะสมและบริบทของสถานศึกษา รวมทั้งเปิดศูนย์รับฟังความคิดเห็นการเรียนการสอนทางไกล จากผู้ปกครอง ประชาชน และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางการปรับปรุงและพัฒนา และประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ แนะนำช่องทางการเรียนทางไกลให้กับผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้อง

        ระยะที่ 3 การจัดการเรียนการสอน (1 กรกฎาคม 2563 – 30 เมษายน 2564) ได้วางแผนไว้สำหรับ 2 สถานการณ์ นั่นคือ สถานการณ์ที่ 1 กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ยังไม่คลี่คลาย จะจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ด้วยระบบทางไกลผ่าน DLTV และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยวีดิทัศน์การสอนโดยครูต้นแบบ และระบบออนไลน์ด้วยเครื่องมือการเรียนรู้ตามความเหมาะสมและบริบทของสถานศึกษา และสถานการณ์ที่ 2 กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid–19) คลี่คลาย จะจัดการเรียนการสอนปกติในโรงเรียน โดยให้เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และมีแผนเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน       

ระยะที่ 4 การทดสอบและการศึกษาต่อ (1 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2564) จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบและคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ นั่นคือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เกี่ยวกับระบบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS GAT PAT) และ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เกี่ยวกับการทดสอบ O-net ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

แนวทางจัดการเรียนการสอนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)

ได้เตรียมการไว้สำหรับผู้เรียนทุกระดับ ทั้งระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ โดยแบ่งเป็น 4 รูปแบบ

  1. จัดการเรียนผ่านเอกสารตำราเรียน  โดยให้ครูทำการสอนผ่านเอกสาร ตำราเรียน หนังสือเรียน และชีทต่าง ๆ ซึ่งเป็นรูปแบบพื้นฐาน (Basic) ที่ไม่ต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมมาก เนื่องจากมีเอกสารและหนังสือตำราเรียนแจกฟรีอยู่แล้ว ทั้งนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน อาจแบ่งเป็นกลุ่มย่อยที่มีจำนวนคนไม่มาก สลับกันมาเรียน หรือใช้ช่องทางสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ Line ข้อความผ่านเครือข่ายออนไลน์ เป็นต้น รวมถึงการให้ครูไปพบผู้เรียนที่บ้านบ้างตามความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา ซึ่งเป็นรูปแบบที่สามารถดำเนินการได้ทันที
  2. จัดการเรียนด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ถือเป็นการจัดการศึกษาแบบสากล เนื่องจากปัจจุบันผู้เรียนสามารถเข้าถึงช่องทางโทรทัศน์ได้มากกว่า 90% แล้ว โดย สอศ.จะจัดเนื้อหาให้ครอบคลุมทุกวิชา ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ขณะเดียวกันจะมีการเชื่อมโยงเนื้อหาไปยังช่องทางออนไลน์อื่นเพิ่มเติม เช่น FACEBOOK YOUTUBE ให้สามารถดูไปพร้อมกันได้ เพื่อให้เข้าถึงผู้เรียนให้มากที่สุด
  3. จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์  ผ่านโปรแกรมฟรีที่ให้บริการ เช่น Zoom, Microsoft Team ซึ่งสถานศึกษาอาชีวะหลายแห่งทั้งของรัฐและเอกชน มีระบบและบทเรียนการสอนออนไลน์ที่พร้อมใช้อยู่บ้างแล้ว ก็สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ทันที และจะพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแบ่งปันให้สถานศึกษาอื่น ๆ มาใช้งานร่วมกันได้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งจะผลักดันการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในแต่ละสถานศึกษาให้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้สมัยใหม่ในโลกดิจิทัล ไม่ใช่เฉพาะช่วงวิกฤต COVID-19 เท่านั้น         
  4. จัดการเรียนผ่านการสอนสด (Live)  ที่ผ่านมาอาชีวะยังขาดแคลนครูหลายสาขา เช่น สาขาช่างอากาศยาน ซึ่งต้องจ้างวิทยากรภายนอกมาสอน ดังนั้น จึงจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์โดยถ่ายทอดการสอนของครูและวิทยากรชั้นนำในสาขาที่ขาดแคลน เพื่อให้ผู้เรียนจากวิทยาลัยอื่นได้เรียนไปพร้อม รวมทั้งจะพัฒนาให้สถานศึกษาอาชีวะที่มีความพร้อมเป็นต้นแบบการสอน เช่น วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เป็นต้นแบบการสอนการบิน เป็นต้น       

การจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษา ยังมีความแตกต่างไปจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ มีภาคปฏิบัติ หรือฝึกประสบการณ์ หากในช่วงเวลาเปิดเรียนแล้ว ภาคทฤษฎียังไม่สามารถเปิดทำการสอนตามปกติได้ ในส่วนของภาคปฏิบัติยังคงสามารถจัดระเบียบการเข้าใช้ได้ตามปกติ โดยอาจจะแบ่งให้กลุ่มผู้เรียนมีจำนวนน้อยลง และเข้าเรียนตามรอบเวลา ให้สอดคล้องกับจำนวนผู้เรียนและความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา

นอกจากนี้ ยังวางแผนพัฒนาครูอาชีวะของรัฐกว่า 30,000 คน และเอกชนกว่า 10,000 คน เพื่อให้เป็นครูพี่เลี้ยง ถ่ายทอดความรู้ไปยังครูเครือข่ายอาชีวศึกษาทุกคนต่อไปใน 3 ทักษะที่สำคัญ ได้แก่ ทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะภาษาจีน และทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ช่วงปิดเทอมนี้ด้วย

แนวทางจัดการเรียนการสอน ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)

รมช.ศธ. (กนกวรรณ วิลาวัลย์) ซึ่งดูแลรับผิดชอบการศึกษาเอกชน ได้มอบหมายให้ สช.จัดรูปแบบการเรียนการสอนสำหรับโรงเรียนเอกชน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 มี 3 วิธี คือ

  1. เรียนในโรงเรียนปกติในพื้นที่ที่มีความพร้อม โดยจัดการเรียนการสอนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และให้มีระยะห่างของสังคม
  2. เรียนผ่านระบบทางไกล On Air  คือ DLTV ในระดับอนุบาล-ม.3 และผ่านทีวิดิจิตอล 17 ช่อง โดย สพฐ.ผลิตคลิปทุกกลุ่มสาระทุกระดับชั้น
  3. ระบบออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต

ในช่วงปิดเทอม สช.ได้ร่วมกับสถานศึกษาเอกชน 5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนกรุงเทพวิทยาการคอมพิวเตอร์ โรงเรียนมัธยมยานากาวา โรงเรียนวรรัตน์ศึกษา และสถาบัน 168 ติวเตอร์ออนไลน์ จัดการศึกษาออนไลน์ นักเรียนทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาออนไลน์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างทั่วถึง นักเรียนสามารถเรียนฟรีที่บ้าน ปลอดภัย และได้ความรู้

รูปแบบการสอน จะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ไปจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งจะเป็นการสอนทั้งไลฟ์สด และบันทึกเทปการสอน โดยมีครูโรงเรียนดังและติวเตอร์ที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมสอนออนไลน์ในครั้งนี้

โดยนักเรียนสามารถเข้าใช้บริการเว็บไซต์ ศูนย์การเรียนรู้ด้วยระบบดิจิทัล สช. ได้จากเว็บไซต์ สช. (www.opec.go.th) จากนั้นเลือกโรงเรียนต้นทางที่ให้บริการ กรอกข้อมูลพื้นฐานตามที่ระบบร้องขอ ก็สามารถเริ่มการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online) ได้ทันที โดยโรงเรียนเอกชนสามารถใช้ระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online) ควบคู่ไปกับการเรียนการสอนแบบปกติได้

นอกจากนี้ สช.ยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตร 8 แห่ง คือ บริษัท อักษร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เจเนซิส มีเดียคอม จำกัด, อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์, ไอดี ไดร์ฟ, สสวท., สํานักพิมพ์วัฒนาพานิช จํากัด,  บริษัท ดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ จํากัด รวมทั้งโรงเรียนทิวไผ่งามและนานาชาติ แคนาเดียน ประเทศไทย  เพื่อนำแพลตฟอร์มและเนื้อหาบทเรียนออนไลน์ที่ทันสมัยและครอบคลุมการเรียนทุกกลุ่มสาระวิชา มาใช้ในการเรียนการสอนสำหรับโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แนวทางจัดการเรียนการสอน ของสำนักงาน กศน.

รมช.ศธ. (กนกวรรณ วิลาวัลย์) ซึ่งดูแลรับผิดชอบสำนักงาน กศน. กำหนดแนวทางไว้ ดังนี้

  1. ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา (ETV) เป็นหลักในการผลิตรายการโทรทัศน์และวิทยุเพื่อการศึกษา เพื่อตอบโจทย์การจัดศึกษาตลอดชีวิต สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย ทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานตามหลักสูตร และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อเสริมทักษะต่าง ๆ สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นรายการ ETV ติวเข้มออนไลน์ โดยได้คัดสรรครูที่มากความสามารถและติวเตอร์ระดับประเทศ มาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ความรู้ในทุกสาระวิชา รายการภาษาเพื่ออาชีพ รายการเพื่อผู้สูงอายุ รายการเสริมทักษะสำหรับผู้พิการ รายการทักษะอาชีพดิจิทัล เป็นต้น โดยได้คัดสรรส่งตรงถึงบ้าน ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) รวมทั้งผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ETV ด้วย
  2. สถาบันการศึกษาทางไกล ที่มีบทบาทหน้าที่ในการจัดและส่งเสริมการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาต่อเนื่องด้วยวิธีทางไกล วางแผน พัฒนารูปแบบกระบวนการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น และช่องทางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้มีความน่าสนใจ เพื่ออำนวยความสะดวกและง่ายต่อการเรียนรู้ เพราะเรามีเป้าหมายที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึง

นางรักขณาฯ กล่าวด้วยว่า รมว.ศธ. “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” ฝากถึงผู้ปกครองว่าเด็ก ๆ ที่อยู่ในระบบการศึกษา ล้วนแล้วแต่เป็นลูกและหลานของพวกเรา เป็นอนาคตของประเทศทั้งสิ้น เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้อย่างราบรื่นที่สุด มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงผลประโยชน์ระยะยาว ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาระยะสั้น โดยระบบการศึกษาที่ดีไม่ควรทำให้เด็กมีความรู้ ทักษะ และความสามารถเท่านั้น แต่จะต้องสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน ที่จะก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน ขอเพียงพวกเราทุกฝ่ายสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราจะผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้อย่างแน่นอน ขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับการศึกษาไทย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง