ครม. ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-เคอร์ฟิว 1 เดือน และไม่เลื่อน 4 วันหยุดเดือน พ.ค.

นายกฯ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-เคอร์ฟิว 1 เดือน ไฟเขียวผ่อนปรนผู้ประกอบการร้านค้า ขอให้รอฟังหน่วยงานแจงรายละเอียด แย้มมี 4 ระยะ หากไม่ดีขึ้นก็ต้องปิดต่อ ไม่ตอบปมการเมือง เศรษฐีตอบรับแล้ว ย้ำไม่มีเรื่องเงิน

วันนี้ (28 เม.ย. 63) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีความจำเป็นต้องต่ออายุประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค. 2563 ส่วนข้อกำหนดต่างๆ ยังคงเดิมทั้งช่วงเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น.วันรุ่งขึ้น รวมถึงห้ามเคลื่อนย้ายประชาชนข้ามเขตจังหวัด แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงในข้อกำหนดบางประการที่เรียกว่าการผ่อนปรน ซึ่งคณะกรรมการศึกษาได้เสนอขึ้นมาแล้ว ส่วนรายละเอียดนั้นให้โปรดรอหน่วยงานแถลงข้อชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากรายละเอียดมาก ก็ขอให้ท้องที่มีมาตรการเสริมด้วย ซึ่งตนทราบดีถึงความลำบากของผู้ประกอบการ โดยมาตรการผ่อนปรนนั้น แบ่งเป็น 4 ระยะ โดยแต่ละระยะจะมีการประเมิน 14 วัน หากไม่ดีขึ้นก็อาจมีการปิดต่อ โดยให้ทั่วประเทศติดตามจากท้องที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยดูอยู่ ขอให้ผู้ประกอบการใจเย็น

ทั้งนี้ ในวันหยุดนักขัตฤกษ์เดือนพฤษภาคม วันนี้ที่ประชุม ครม.มีมติให้หยุดตามเดิม พร้อมให้ประชาชนคำนึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วย

สำหรับการส่งจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุดมีทยอยส่งเข้ามาแล้ว ซึ่งไม่ได้มีการขอเงินอะไรทั้งสิ้น แต่ละรายได้รายงานการดูแลห่วงโซ่ของตัวเอง และมีข้อเสนอแนะที่ตรงกับแนวทางรัฐบาล เช่น การจัดการภัยแล้ง การหาแหล่งน้ำ พร้อมยืนยันว่าพวกเขาจะดูแลประชาชนให้มากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนท้ายว่าไม่ขอแสดงความเห็นประด็นการเมือง เพราะมองว่าไม่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ รวมถึงได้เตือนให้ระวังกลุ่มข่าวปลอม (fake news) และเตือนกลุ่มคนเหล่านี้ให้ระวัง เพราะช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ครม.ไม่เลื่อน 4 วันหยุดเดือน พ.ค.

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (28 เม.ย. 63) มีมติไม่เห็นชอบให้เลื่อนวันหนุดนักขัตฤกษ์เดือนพฤษภาคม จำนวน 4 วัน (1 วันแรงงาน, 4 วันฉัตรมงคล, 6 วันวิสาขบูชา และ 11 วันพืชมงคล) ออกไปตามที่ที่ประชุม ศบค.เสนอ โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากช่วงระหว่างวันที่ 1-11 พ.ค. 2563 มีวันหยุดใกล้กันหลายวัน และเมื่อรวมกับวันเสาร์และอาทิตย์แล้ว อาจทำให้มีผู้ลาเพิ่มเพื่อให้ได้วันหยุดติดต่อกันหลายวัน เป็นเหตุให้มีการเดินทางข้ามจังหวัด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการแพร่กระจายโรค ดังนั้น วันหยุดดังกล่าวยังคงเดิม แต่ขอความร่วมมือประชาชนไม่เดินทางข้ามจังหวัด อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กำชับเจ้าหน้าที่ด่านสกัดเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่

ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร(คราวที่ 1) วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 และให้ข้อกำหนดประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดยังมีผลใช้บังคับ

ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑)

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว นั้น โดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ยังคงปรากฏอยู่ แม้จะควบคุมไว้ได้ในระดับหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย ความเข้าใจสถานการณ์ และที่สำคัญคือความร่วมมือจากภาคประชาชน แต่เนื่องจากโรคนี้ยังคงระบาดรุนแรงอยู่ในหลายประเทศและยังมีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตลอดจนการไปมาหาสู่ข้ามจังหวัด และการไม่นำพาต่อมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด อันแสดงให้เห็นถึงโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้เตือนให้การผ่อนคลายหรือการยกเลิกมาตรการป้องกันโรคพึงทำด้วยความระมัดระวังและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะเป็นที่ปรากฏแล้วว่าภายหลังการยกเลิกการควบคุม สถานการณ์ในบางประเทศได้กลับมารุนแรงขึ้นใหม่ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลจะได้ประเมินสถานการณ์ โดยอาจเพิ่มความเข้มงวดหรือผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการตามข้อมูลของฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และฝ่ายเศรษฐกิจ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

เรื่องที่เกี่ยวข้อง