ริบบิ้นขาว หรือโบขาว หมายถึงอะไร

ริบบิ้นขาว หรือโบขาว หมายถึงอะไร เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แฟชั่นหรือตามกระแส

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

ริบบิ้นขาว หรือโบขาว ที่ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง มีความหมายว่าอย่างไร

สรุปความเคลื่อนไหวคลิก

# จากแฮมทาโร่ถึงคณะประชาชนปลดแอก

การผูกริบบิ้นสีขาว ครั้งแรก ในปี 2537 หลังจากเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยมอนทรีออล จำนวน 14 คน

ต่อมาในปี 2542 องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (UN) ได้รับรองให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวัน “ขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล” และในประเทศไทย คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยมี “ริบบิ้นขาว” เป็นสัญลักษณ์


สัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว เกิดขึ้นจากที่ไหน

ประวัติศาสตร์ของ “การชู 3 นิ้ว” ในช่วงปี 2332-2342 ได้เกิดอีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์โลกขึ้น ที่เรียกกันว่า “ปฏิวัติฝรั่งเศส” โดยการชู 3 นิ้ว เป็นการแสดงออกถึงความหมาย 3 ประการคือ “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” ที่ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสปี 2489 และ 2501

เสรีภาพ” คือการเน้นในเสรีภาพของบุคคลหรือปัจเจกชนนิยม และได้ขยายไปในเรื่องเสรีภาพในด้านความคิด ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาหาความรู้ การพิมพ์และเผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งเสรีภาพในทางการเมือง

เสมอภาค” คือความเท่าเทียมกันตามกฎหมายของปัจเจกชน ความเสมอภาคขึ้นอยู่กับหลักความเที่ยงธรรม ความเท่าเทียมกันในเรื่องสิทธิและหน้าที่ เช่น ความเท่าเทียมในด้านการเสียภาษี การรับใช้ชาติโดยการเป็นทหาร และสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง

ภราดรภาพ” คือความเป็นพี่เป็นน้องกัน มนุษย์ทุกคนจะต้องมีความเท่าเทียมกันและปฏิบัติต่อกันดุจพี่น้อง ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ คือ การไม่เน้นผิวพรรณ หรือ เผ่าพันธุ์

สัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ถูกนำมาใช้ในประเทศไทยเริ่มจากใคร

สัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ถูกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และส.ส.พรรคอนาคตใหม่ นำมาใช้ในต่างสถานที่และต่างวาระ ทั้งในคดีถือหุ้นสื่อของคุณธนาธรและการยุบพรรคอนาคตใหม่ ตลอดจนในแฟลทม็อบ ลานสกายวอล์ท

ธนาธร นัดมวลชนลงถนน แฟลทม็อบ ณ ลานสกายวอล์ก

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัด “แฟลชม็อบ” ณ ลานสกายวอล์ก เพื่อเชิญชวนคนที่ไม่พอใจการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้มาแสดงพลังร่วมกันว่า “ให้เห็นหัวประชาชนบ้าง”

(นายธนาธรเพิ่งพ้นสมาชิกภาพ ส.ส. เมื่อ 20 พ.ย. ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจากกรณีถือหุ้นบริษัทสื่อ)

แต่ด้วยมีกลุ่มนักศึกษาจำนวนหนึ่ง เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของธนาธร กระแสความคิดหยุดการสืบทอดอำนาจคสช. จึงกระจายสู่มวลชนโซเซียล โดยมีแกนนำแต่ละกลุ่มกระจายข้อมูลออกไปโดยใช้พลัง #แฮชแท็ก เป็นตัวขับเคลื่อน

จากเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เป็นกระแส เทรนวัยศึกษาหาความหมาย

จนกระทั้งกลายเป็นสัญลักษณ์ในแฟลทม็อบในสถาบันการศึกษาและจังหวัดต่างๆ แต่ก็ไม่ปรากฎตัวคุณธนาธรเข้าร่วมชุมนุมในระยะหลัง ด้วยให้พลังของโซเซียลนำพาไป

จะปรากฎตัว ก็มีเพียงส.ส.พรรคก้าวไกล (อดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่) ที่เข้ามาช่วยเหลือขอประกันตัวให้แก่แกนนำนักศึกษาที่ถูกออกหมายจับครั้งแฟบทม็อบที่อนุสาวรีย์ชัย, ทนายอานนท์ และแกนนำแฟลทม็อบที่ธรรมศาสตร์เท่านั้น


ขณะที่ในประเทศไทย มีการติดริบบิ้นหรือโบสีขาว ชู 3 นิ้ว มาตามลำดับเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2562 ต้นปี ถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่ 10 มิ.ย. 2563 สมาชิกผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลได้พร้อมใจกันติดริบบิ้นสีขาวระหว่างการเข้าประชุมสภา เพื่อสื่อถึงกรณีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่เชื่อกันว่าถูกอุ้มหายในกัมพูชา

ซึ่งก่อนหน้านี้ 9 มิ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมนักศึกษาจำนวน 4 คนที่มาผูกริบบิ้นสีขาวตามสถานที่สำคัญอย่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและหน้ากระทรวงกลาโหม โดยทั้ง 4 คน เป็นสมาชิกสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ Student Union of Thailand ระบุ ริบบิ้นสีขาวคือสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม และประณามการอุ้มหายของผู้ลี้ภัยทางการเมือง คือ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หายตัวไปกลางกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

ประกอบด้วย 1. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา 2.น.ส. จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ คณะศิลปศาสตร์ 3. นายชนินทร์ วงษ์ศรี วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และ 4. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ คณะรัฐศาสตร์ ซึ่งในภาพชู 3 นิ้วสัญลักษณ์ชัดเจนต่อต้านเผด็จการ

หลังจากนั้น มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งพากันนำโบว์สีขาวไปติดตามที่ต่างๆ เช่น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วิทยาเขตท่าพระจันทร์ และวิทยาเขตรังสิต

จากกรณีวันเฉลิม “ริบบิ้นขาว” เริ่มลามไปทั่วสถานศึกษาต่างๆ มีการชุมชุมเฟลทม็อบในหลายสถาบัน

จากการใช้ริบบิ้นสีขาว โดยเริ่มจากกลุ่มนักศึกษาที่ใช้ชื่อว่า สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ได้นำริบบิ้นสีขาว มาผูกไว้ตามสถานที่ราชการสำคัญ ๆ เช่น หน้าทำเนียบรัฐบาล และกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม และประณามการอุ้มหายของผู้ลี้ภัยทางการเมือง คือ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หายตัวไปกลางกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยมีการเรียกร้องให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุติความรุนแรงต่อผู้มีความคิดเห็นต่าง

และยังนำริบบี้ข่าวไปใช้ผูกตามสถานที่ราชการ พร้อมกับข้อเรียกร้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในช่วงสถานการณ์โควิด19 หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ แต่กฎหมายพิเศษยังคงอยู่

ล่าสุดสิงหาคม 2563

ริบบิ้นขาว หรือ โบสีขาว และการชู 3 นิ้ว ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์เคลื่อนไหวทางการเมือง กระจายไปในกลุ่มนักศึกษาในสถาบันต่างๆ จนถึงโรงเรียนมัธยมศึกษาชื่อดังหลายแห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาหลายโรงเรียนทั่วประเทศร่วมกันแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านระบอบเผด็จการ ด้วยการชูสามนิ้วระหว่างการร้องเพลงชาติหน้าเสาธง และผูกโบว์สีขาวเพื่อเป็นการแสดงออกร่วมกัน และมีทวิตเตอร์รณรงค์ #โรงเรียนหน้าเขาไม่เอาเผด็จการ

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ผ่านแฮชแท็ก #โบว์ขาวต้านเผด็จการ อีกด้วย ซึ่งจะเห็นว่านักเรียนหลายคน โดยเฉพาะนักเรียนหญิง โพสต์รูปที่ตนและเพื่อนผูกโบว์สีขาวไว้บนศีรษะ ขณะเดียวกันนักเรียนชายก็ติดโบสีขาวไว้บนกระเป๋าของตัวเอง ขณะเดียวกันนักเรียนหลายคนก็ผูกโบว์ไว้ที่ข้อมือ

สำหรับข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 2 จุดยืน ของนักเรียน นักศึกษา คือ

1. รัฐบาลต้องหยุดคุกคามประชาชน ที่จะออกมาใช้สิทธิกันอย่างเสรีภาพตามสิทธิของประชาธิปไตย

2. รัฐบาลต้องแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ต้องมาจากเจตจำนงค์ของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง

3. รัฐบาลต้องยุบสภา เพื่อเป็นการเปิดทางให้ประชาชน สามารถแสดงเจตจำนงค์ในการเลือกผู้แทนของประชาชนได้อย่างอิสระเสรี

2 จุดยืน คือ

1. ต้องไม่มีการทำรัฐประหาร

2. ต้องไม่มีการจัดตั้งคณะรัฐบาลแห่งชาติ

18 ส.ค. นักเรียน โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา เป็นโรงเรียนมัธยมใน อ.หาดใหญ่ รวมทั้งนักเรียนจากโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ และวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ได้นัดรวมตัวกันหน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา โดยมีการยืนสงบนิ่งถือกระดาษขาว เป็นเวลา 15 นาที ตั้งแต่เวลา 16.45 – 17.00 น. เพื่อแสดงจุดยืนชู 3 นิ้ว ต่อต้านเผด็จการ #อุดมการณ์เราต้องรอด

วันเดียวกัน นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ในจ.ศรีสะเกษ รวมตัวชุมนุมกว่า 300 คน ประกาศติดเครื่องหมาย #เยาวชนไม่ขอทนเผด็จการ กิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ผ่านการชูกระดาษ ขอให้ผู้ประสงค์เดินทางมาร่วมกิจกรรมได้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เตรียมกระดาษเปล่า หรือกระดาษที่มีข้อความที่บ่งบอกถึงการต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านรัฐบาลชุดปัจจุบัน และให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโควิด-19 ส่วน

ใครที่มาในชุดนักเรียนนั้น ให้ใช้เทปดำปิดชื่อโรงเรียน ชื่อตัวเอง และปิดจุดที่ปกคอเสื้อ โดยการชุมนุมดังกล่าวสิ้นเสร็จในเวลา 17.30 น. ก่อนประกาศแยกย้ายกัน

ด้านเพจภาคีนักเรียนแห่งประเทศไทย – Associate of student in Thailand โพสต์ข้อความว่า ถ้ามีนักเรียนที่ชูสามนิ้ว และผูกโบว์ขาว แล้วถูกเรียกเข้าห้องปกครอง หรือมีการลงโทษ ข่มขู่ให้แจ้งกับทางภาคีฯ ได้ตลอดเวลา

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก “นักเรียนเลว” ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความเชิญชวนให้นักเรียน โดยมีเนื้อหาว่า “ออกมาปกป้องอนาคตของชาติ ออกมาปกป้องนักเรียนของเรา ผูกโบขาวให้กระทรวง ชูสามนิ้วร้องเพลงชาติ และมาเป่านกหวีดไล่ รมว.ศึกษาธิการ ไปพร้อมๆ กัน มาแน่ มาแน่ 19 สิงหาคม 4 โมงเย็น ณ กระทรวงศึกษาธิการ”

สพฐ.เปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นได้ ไม่ให้บุคคลภายนอกร่วม

การแสดงออกเป็นสิทธิ แต่อยากให้นึกถึงความละเอียดอ่อนที่ก่อให้เกิดความแตกแยกของสังคม

17 ส.ค. 63 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า เข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของนักเรียน ประชาชน ส่วนตัวรับได้ทั้งนั้น แต่ต้องมีขอบเขต หากการแสดงออกจะสร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ก็แล้วแต่ สร้างความแตกแยกต่อประเทศหรือก่อให้เกิดปัญหาของสังคมในอนาคต ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำในขณะที่ประเทศต้องการความร่วมมือกัน

ณ ขณะนี้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันพิจารณาอย่างเหมาะสม หากครูจะอธิบายให้เด็กๆฟังก็จะเป็นเรื่องที่ดี และรัฐบาลพร้อมจะรับฟังความเห็นต่างๆ และพร้อมจะหาทางออกร่วมกัน การท้าทายหรือการแสดงออกที่อาจทำให้เกิดความแตกแยกควรจะระมัดระวัง ตนคิดว่ามีการเปิดทางแล้วเพื่อให้มีการพูดคุยกัน และตนพร้อมจะเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการพูดคุยกับนักเรียน นักศึกษา

ส่วนจะมีการกำชับไปยังผู้อำนวยการ ครู หรือผู้ปกครองหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า สิ่งที่ปฏิบัติกันมาในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการยืนตรง การเคารพธงชาติเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เป็นสิ่งที่สวยงามที่อยากจะรักษามันไว้ ไม่อยากให้การแสดงออกบางอย่างทำให้เกิดความแตกแยก อยากให้นักเรียนระมัดระวัง เข้าใจดี การแสดงออกอย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่อยากให้นึกถึงความละเอียดอ่อนที่ก่อให้เกิดความแตกแยกของสังคม

อย่างไรก็ตาม​ มั่นใจว่าครูและผู้บริหารเข้าใจในเรื่องละเอียดอ่อน การสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งไปหากเป็นการกระตุ้นไฟเข้าไปในกองเพลิง เราก็ไม่อยากทำ เราอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจ และคิดว่าไม่ว่าจะเป็นผู้นำนักเรียนหรือนักศึกษาเข้าใจสถานการณ์ดีว่าประเทศต้องการอะไร

นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตัวเองมองว่าการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ขณะนี้ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจให้คนที่จะเข้ามาในประเทศไทย ตนยืนยันว่าเรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่จะต่อสู้กันทางการเมือง เราต้องร่วมกันเดินหน้าให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ การเปลี่ยนแปลงไม่มีปัญหาตนเข้าใจ แต่การที่ประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้ เศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนไปให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นเราออกมากันก็ไม่มีงานทำ เพราะไม่มีใครจะมาลงทุนในประเทศไทย อยากให้หันหน้าเข้าหากัน ตนมั่นใจว่าเราสามารถหาทางออกได้

มี “บูลลี่”ใครไม่มาร่วมถูกกีดกัน ไม่ขัดแย้งกับใคร ทำตามรธน.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ปรากฏการณ์นักเรียนชู 3 นิ้วที่ตอนนี้กลายเป็นแคมเปญลามไปหลายจังหวัดทั่วประเทศว่า ไม่อยากให้เป็นประเด็นต่อไป เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของเด็กเหล่านี้ แต่จากการรับฟังความคิดเห็นเด็กๆหลายคน เขาบอกในสถาบันศึกษาไม่ว่าจะเป็นระดับไหนมันมี “บูลลี่” กัน ถ้าใครไม่มาร่วมก็จะถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมชมรมเข้ากลุ่ม คิดว่านั่นคืออันตราย เพียงแต่ยกตัวอย่างที่ได้ฟังจากนักศึกษามา บางคนไม่ได้อยากมีส่วนร่วม แต่ถูกบูลลี่ถูกกีดกันอะไรหลายๆอย่าง ขอให้ทุกคนหารือด้วยเหตุและผล

ข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของอำนาจและที่มา ส.ว. 250 คนนั้น ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องเตรียมการเรื่องเหล่านี้ว่าจะแก้ไขกันอย่างไร ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน อาจ ต้องไปพิจารณาในส่วนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้สอดคล้องในสิ่งที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้ามาด้วย ส่วนภาคเอกชนก็ต้องรอความชัดเจนทั้งหมด เมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุปหมดแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

ประธานสภาฯใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหา ยึดหลักปชต.และตามกติกา

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การชุมนุมและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของนักเรียนทั่วประเทศขณะนี้ สามารถใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหาได้ โดยผู้นำฝ่ายค้านหรือรัฐบาล สามารถเสนอเรื่องเพื่อขอเปิดประชุมสภาพิจารณาหาทางออกร่วมกันได้ หากเสนอเข้ามาสามารถขอเปิดประชุมได้ทันที ในฐานะประธานฝ่ายนิติบัญญัติ เห็นว่าทุกคนต้องทำหน้าที่ตนเองให้ดี ภายนอกสภาจะเป็นอย่างไรแต่ภายในสภาต้องยึดกฎเกณฑ์ ทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ เป็นหลักของบ้านเมือง ยึดหลักประชาธิปไตยเคารพกติกา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามว่า การชู 3 นิ้ว ของน้องๆ นักเรียน คือ “ลูกเสือ”

ผบ.ทบ. ไม่คิดเป็นศัตรูกับประชาชน ไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

19 ส.ค. 63 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงต่อคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564

โดยได้ตอบคำถามของกรรมาธิการเรื่องความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้แจงถึงการทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ต้องทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาด้วย พร้อมระบุว่าได้กล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าการเป็นทหารที่มีประชาธิปไตยต้องคิดใหม่

ยืนยันไม่คิดเป็นศัตรูกับประชาชน เพราะทหารก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง รวมถึงอธิบายว่าเมื่อเรากลับไปบ้านก็เจอกับครอบครัวที่เป็นประชาชน จึงทำให้เข้าใจถึงความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในถึงภายนอก แม้บางครั้งอาจมีวาทะหรือคำพูดบางอย่างออกไป ก็ถือเป็นบทบาทหน้าที่ และในฐานะประชาชนและการเป็นข้าราชการ ไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่าเป็นกลไกทางการเมือง ที่สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเสนอผ่านกระบวนการตามกฎหมาย โดยอ้างความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่เปิดให้การแก้ไขเป็นไปตามกฎหมาย

19 ส.ค. 63 เวลาประมาณ 16.45 น. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมาบริเวณการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ผู้ชุมนุมเป่านกหวีดและส่งเสียงโห่ร้องเสียงดังสนั่น

นายณัฏฐพล ได้พยายามขอใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อกล่าวกับนักเรียนที่มาชุมนุม แต่แกนนำผู้ชุมนุมไม่อนุญาตและได้ประกาศบนเวที บอกให้ รมว.ศึกษาธิการ เดินไปต่อท้ายแถวผู้ชุมนุมหากต้องการพูดหรือมาฟังการปราศรัย ทำให้ นายณัฏฐพล ต้องเดินไปยังท้ายแถวผู้ชุมนุม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของบรรดานักเรียนที่พร้อมใจกันตะโกนว่า “ไปต่อแถวๆ” และเสียงเป่านกหวีดดังสนั่น

เมื่อ นายณัฏฐพล ได้เดินมาจนถึงท้ายแถวผู้ชุมนุมก็ได้นั่งลงร่วมกับนักเรียนที่มาชุมนุม และได้จดข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนลงในสมุดที่นำมา

ต่อมาแกนนำให้ชวนผู้ชุมนุมร่วมกันกล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนปลดแอก คือ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ยุบสภา พร้อมเพิ่มข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนคือ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลาออก

เวลา 17.49น. กลุ่มนักเรียนได้ร่วมร้องเพลงชาติและชู3นิ้วร่วมกัน และได้ร่วมผูกโบว์สีขาวที่รั้วของกระทรวงศึกษาธิการ

โรงเรียนราชินี ห้ามนร.ชู 3 นิ้ว โบขาว ชี้ไม่พอใจลาออกไปเรียนที่อื่น

โรงเรียนมีจดหมายถึงผู้ปกครอง ฉีก ทิ้งซะ

21 ส.ค.63 กลุ่มนักเรียน นักศึกษา จ.กระบี่ พร้อมใจกันผูกโบสีขาว รวมตัวกันที่ลานหน้าเวทีถนนคนเดิน

กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ให้เหตุผลของการมารวมตัวครั้งนี้ว่า ต้องการให้ครู อาจารย์ ในสถาบันการศึกษาหยุดคุกคามนักเรียน นักศึกษา และการชูกระดาษสีขาว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกตนมากันด้วยพลังบริสุทธิ์ และไม่ยอมรับกับสิ่งที่เผด็จการทำเอาไว้ ส่วนการผูกโบสีขาว เพื่อต่อต้านกับอำนาจที่กดขี่คุกคามประชาชนที่เห็นต่าง ส่วนการชู 3 นิ้ว ไม่ได้หมายถึงการเป็นลูกเสือ แต่หมายถึง สิทธิเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ

นายกรัฐมนตรีในอนาคตใน Facebook เยาวชนปลดแอก หล่อมาก

โซเชียลลุกเป็นไฟ “ม้า” โพสต์ เด็กผูกโบขาวสุดแรง

23 ส.ค. มีผู้ใช้ทวิตตอร์รายหนึ่งได้แชร์ข้อความ ระบุชื่อเฟซบุ๊ก Ornapa Krisadee ซึ่งเป็นของพิธีกรคนดัง “ม้าอรนภา กฤษฎี” ซึ่งได้คอมมนต์ถึงเด็กๆ อย่างรุนแรง ว่า “นอนแหกXXอยู่บ้านไป ไม่ต้องมาเรียน เด็กเปรต” โดยข้อความดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ม้า อรนภา ถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก หลังใช้ถ้อยคำหยาบคายถึงเด็กที่ผูกโบว์ขาว ชูสามนิ้วสัญลักษณ์ทางการเมือง เป็นเหตุให้เธอนั้นถูกปลดฟ้าผ่าจากรายการ ข่าวใส่ไข่ ทางไทยรัฐทีวี และ รายการ 3 แซ่บ เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามที่เสนอข่าว

“ม้า อรนภา” โดนบูลลี่ล่าแม่มดถึงแม่

ยังไม่ทันข้ามวัน งานเข้า “ม้า อรนภา” โดนถล่มเล็งแบนสปอนเซอร์รายการที่เป็นพิธีกร และเมื่อข้ามวันไปไม่นาน “ม้า อรนภา” โดนปลดจากรายการหลายช่อง ข่าวใส่ไข่, พิธีกรรายการ 3 แซ่บ

“เรื่องโบว์ขาวที่ถูกวิจารณ์นั้น เพราะมีเพื่อนที่เป็นอดีตพิธีกรของพี่ม้าโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับโบว์ขาว พี่ม้านึกว่าเป็นการคุยเล่นกันกับเพื่อน จึงได้ไปโพสต์ข้อความดังกล่าว และไม่นานก็ลบไปแต่ลบไม่ทันมีคนแคปไว้”

“ฉันเข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฉัน มดดำแต่ฉันไม่อยากเป็นคนตกงาน” ม้า อรนภา

รายต่อมา #เหมี่ยวปวันรัตน์

#เหมี่ยวปวันรัตน์ ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ชาวเน็ตเรียกร้องให้ปลดจากพิธีกร หลังสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมือง

โดย ชาวเน็ต ได้พากันวิพากษ์วิจารณ์การพูดยั่วยุสนับสนุนให้เกิดความรุนแรง พร้อมขุดคลิปขึ้นเวที กปปส. ออกมาเป็นกระแสอีกครั้ง พาแฮชแท็ก #เหมี่ยวปวันรัตน์ เทรนด์ทวิตเตอร์อันดับที่ 1

ทั้งนี้ บก.ลายจุด ได้ออกมาทวีตข้อความถึงกรณีที่เกิดขึ้นของ เหมี่ยว ปวันรัตน์ ไว้ว่า…

“ปัญหาของ #เหมี่ยวปวันรัตน์ ไม่ใช่แค่เรื่องขึ้นเวที กปปส. แต่อยู่ตรงที่คำพูดสนับสนุนการใช้ความรุนแรงและแสดงถึงความสะใจ กรณีนี้เธอไม่เคยแม้แต่ออกมาขอโทษสังคม นี่คือตราบาปของเธอไปตลอดชีวิต”

ดาราอีกสักคน หลังบก.ลาดจุดยก ทราย เจริญปุระ ให้เป็นแม่ยกแห่งชาติ เชิญบริจาค 24.75 บาท (แม้แต่เงินบริจาคยังเป็นเชิงสัญลักษณ์)

นายกฯ บอก ม็อบนศ.เป็นวิถีปกติของปชต. มาฟังนายกพูดบ้าง

25 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาว่า ถือว่าเป็นวิถีปกติตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพื่อรองรับสถานการณ์การเติบโตในอนาคต ฉะนั้น สิ่งที่ทำมาแล้วที่มีผลสัมฤทธิ์มากมาย ขอความกรุณาดูทั้งสองทางด้วย ตนไม่ได้ห้ามว่าอย่าไปฟังเขา แต่ตนถูกเขาห้ามว่าอย่ามาฟัง อันนี้ไม่ใช่วิถีทาง ต้องฟังทั้งสองฝ่ายด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่คำบิดเบือน อย่าให้มีการแตกความสามัคคีในประชาชนเด็ดขาด วันนี้ต้องช่วยกันลดผลกระทบเหล่านี้ด้วย เพราะถูกจับตามองทั้งในและต่างประเทศ

“ เป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่นายกฯ เป็นเรื่องของทุกคนที่จะช่วยทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย กฎหมายก็คือกฎหมาย วันนี้รัฐบาลพยายามฟัง สื่อสารทั้ง 2 ทาง เราบังคับใช้กฎหมายอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ได้ใช้อำนาจแบบไม่ถูกต้อง ดังนั้น ฝากทุกคนช่วยกันด้วย โดยเฉพาะสื่อที่มีบทบาทสูงในสังคมปัจจุบัน ทั้งสื่อโซเชียลด้วย ต้องย้อนกลับมาดูว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบอย่างไร จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร เราจะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างไร และจะทำให้คนไทยลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างไร นี่คือสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

หมายเหตุ : ขออนุญาต ไม่ update ข้อมูลหลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เกี่ยวกับการชุมนุม / ยกเว้น : ภาพรวม, การแจ้งข่าวที่สำคัญ, สถานที่หนัดชุมนุมจะได้กลับบ้านก่อนได้สะดวก หรือ ข้อมูลที่น่าจะรู้ไว้จะได้เข้าใจ เพื่อไม่ต้องทำผิดกฎหมายบ้านเมือง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง